10 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 5 ( พระเนื้อมาตรฐานวัดทุ่งแฝก )

ติดค้างมานานหลายวัน เพิ่งหาโอกาสมาเขียนบทความฝากแฟนๆกันต่อได้ วันนี้ก็ไปต่อกันที่เรื่องพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือยุคทุ่งแฝกกันต่อนะครับ พระเหล่านี้เป็นพระในยุคต่อมา ซึ่งปรากฏว่า ท่านได้นำมวลสารต่างๆหลายอย่างมาผสมลงไปในเนื้อพระด้วย เช่น ว่านต่างๆ แร่สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี ผลึกสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีขาวขุ่น ขาวใส สีฟ้า เป็นต้น แต่ก็ยังปรากฏมวลสารของพระกรุบ้านกร่างอยู่ด้วย แต่มิได้มากมายเหมือนกับพระยุคแรกๆ ซึ่งแทบจะเป็นมวลสารหลักอย่างเดียวในเนื้อพระเลยก็ว่าได้ สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะพระกรุมีจำนวนน้อยลง ท่านจึงหามวลสารต่างๆมาทดแทน พระยุคนี้เนื้อหลักจะเป็นผงอิทธิเจ ผสมกับมวลสารต่างๆที่ผมกล่าวขั้นต้น ในยุคแรกๆเนื้อมวลสารต่างๆ จะหยาบใหญ่ และมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทราบมาว่า เป็นเพราะช่วงแรกๆนั้น ท่านยังใช้ครกตำส่วนผสมอยู่นั่นเอง ในช่วงยุคหลังๆได้มีการนำเครื่องบดมวลสารมาใช้แทน พระจึงมีเนื้อละเอียดมากขึ้น ดังนั้น ลักษณะมวลสาร รวมทั้งปริมาณมวลสารในเนื้อพระ จึงเป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่า พระองค์นั้นสร้างในยุคไหน ผมขอแบ่งลักษณะเนื้อซึ่งถือได้ว่าเป็นเนื้อมาตรฐานในยุคทุ่งแฝก ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้นะครับ

- พระเนื้อผง
ประกอบด้วย พระสีต่างๆได้แก่

1.พระเนื้อสีดำ และ เทาดำ เนื้อแบบนี้เป็นที่นิยมที่สุดของผู้ที่ศรัทธาหลวง เนื่องจากประสบการณ์ที่เด่นชัด มีคนให้คำนิยามพระเนื้อแบบนี้ไว้ว่า “แรงและเร็ว” พระเนื้อสีนี้ โดยส่วนมากจะมีทองคำเปลวเสก ปิดองค์พระมาด้วย พิมพ์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง หนีไม่พ้น พระแหวกม่านยุคต้น เนื้อดำ ครับ


Photobucket

2.พระเนื้อสีน้ำตาล เนื้อแบบนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้เนื้อสีดำเหมือนกัน พิมพ์ที่นิยมที่สุดคงไม่พ้น พิมพ์พระประธานห้าชั้น ประสบการณ์นั้นไม่แพ้รุ่นไหน มีคนบอกว่า ไม่แพ้พระแหวกม่านดำปิดทองเลย ต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่าย ประมาณนั้น แต่มาแบบช้าหน่อย ยังให้องค์ดำปิดทองเป็นต่ออยู่นิดๆ สำหรับผมด้วยเช่นกัน



Photobucket

3.พระเนื้อสีแดง พบจำนวนไม่แพ้พระเนื้อดำหรือ สีน้ำตาล รวมทั้งความนิยมด้วย ด้วยความที่สีและความสวยงามออกแนวคลาสสิค รวมทั้งพุทธคุณนั้นไม่น้อยหน้าพระแบบไหนเลย


Photobucket

4.พระเนื้อสีเทาเขียว พระเนื้อแบบนี้ก็พบเป็นจำนวนมากไม่แพ้สีอื่นๆเช่นกัน แต่ในด้านความสวยงาม อย่างพิมพ์พระแหวกม่านยุคต้น ความสวยงามจะเป็นรองเนื้ออื่นๆ แต่พุทธคุณจากที่ลองมา ก็ไม่ได้น้อยหน้าพระเนื้อสีอื่นๆเลย แต่ในพิมพ์อื่นๆพระเนื้อแบบนี้ก็มีสวยๆเยอะครับ

Photobucket

5.พระเนื้อสีขาว พบจำนวนไม่น้อยเช่นกัน แต่มักปรากฏว่า พระเนื้อสีนี้ พระจะไม่ค่อยสวยงามเช่นสีอื่นๆ และ มักจะมีรอยแหว่งบ้าง หลุมบ้าง สังเกตว่า ส่วนใหญ่มักเกิดจากโดนแมลงแทะครับ

Photobucket


6.พระเนื้อสีเหลือง สีแบบนี้ค่อนข้างหายาก พบจำนวนค่อนข้างน้อย ถ้าเผื่อมีก็รักษาไว้ให้ดีนะครับ

Photobucket


7.พระเนื้อสีม่วง พบน้อยที่สุด ไม่มีภาพตัวอย่างครับ เพราะผมไม่มี ต้องขออภัยครับ

- พระเนื้อว่านผสมผง

พบจำนวนไม่มากเท่าพระเนื้อผง ลักษณะจะเป็นเนื้อแก่ว่านกว่ามวลสารอื่นๆ ที่พบบ่อยที่สุดคือ เนื้อสีดำ กับ น้ำตาล

Photobucket

Photobucket


- เนื้อแบบพิเศษหายาก ได้แก่


- พระคำข้าว มีทั้งแบบเนื้อหยาบกับเนื้อละเอียด ทราบประวัติการสร้างจากลูกศิษย์ใกล้ชิดบอกว่า หลวงพ่อท่านมีข้าวอยู่หนึ่งบาตร ไม่ทราบว่า ได้มาจากไหน เป็นข้าวเม็ดป้อมๆสั้นๆ สีเหลือง และ มีกลิ่นหอมมาก ท่านเลยนำมาสร้างพระ เรียกกันว่า พระคำข้าว ซึ่งเป็นพิมพ์พระสมเด็จแหวกม่านขาโต๊ะ พระเนื้อแบบนี้จะไม่ค่อยสวยนัก บิดบ้าง เบี้ยวบ้าง ยังไม่เคยเจอองค์ที่สมบูรณ์เลยครับ แต่มีความพิเศษที่มีกลิ่นที่หอมมาก จนได้ฉายาว่า “พระเนื้อหอม” เป็นเรื่องน่าแปลกที่พระผ่านกาลเวลามาเกือบห้าสิบปี จะยังคงความหอมไว้ได้ ด้วยความเชื่อในหมู่ผู้ที่ศรัทธาว่า มวลสารที่ใช้ทำนั้น เป็นของพิเศษ ลักษณะคล้าย “ข้าวทิพย์” หรือ ข้าวเทวดา ที่บรรยายไว้ในประวัติครูบาอาจารย์ต่างๆ เช่น หลวงปู่ชอบ หลวงพ่อฤาษี เป็นต้น จึงทำให้พระแบบนี้เป็นที่แสวงหาในหมู่ผู้ที่ศรัทธาเป็นอย่างมาก แต่ก็หาได้ยากสุดๆ พระแบบนี้ เชื่อกันว่า เด่นในทางเมตตา และ ทางลาภ

Photobucket

- พระแหวกม่านขาโต๊ะเนื้อดำ เป็นพระพิมพ์เดียวกับพระคำข้าว แต่เนื้อคนละอย่างกัน พระเนื้อดำนี้มวลสารคล้ายๆเป็นขี้เถ้า ซึ่งน่าจะเป็นเถ้าจากการเผาใบลานผสมลงไปด้วย ไม่มีกลิ่นหอมเช่นพระคำข้าว

Photobucket

พระพิมพ์แบบนี้ยังมีสีขาว กับ เนื้อดินผสมผงที่ผมได้โชว์ไปแล้วในตอนก่อนๆนะครับ

Photobucket

เนื้อพระหลวงพ่อสวน ในยุคทุ่งแฝก ที่ผมบอกไว้ข้างต้นนั้น แบ่งตามลักษณะเนื้อและสีหลักๆที่เจอกันนะเท่านั้นนะครับ แต่ละสี แต่ละเนื้อลักษณะก็จะแตกต่างยังสามารถแบ่งย่อยๆลงไปได้อีก ขึ้นอยู่กับการผสมมวลสารของท่านแต่ละครั้ง แต่ก็จะไม่แตกต่างจากเนื้อมาตรฐานที่บอกมาในขั้นต้นมากนัก จึงสามารถรวบให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ พระเหล่านี้ถ้าดูบ่อยๆ ก็จะจำติดตากันได้ไม่ยากนัก เอาไว้ในตอนต่อๆไป ผมจะนำตัวอย่างพระในแต่ละเนื้อ แต่ละสีมาให้ชมกันนะครับ วันนี้ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน