25 ธันวาคม 2551

พระขุนแผนไข่ผ่าเนื้อดินผสมผง หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ยุคต้นทุ่งแฝก

ช่วงนี้ต้องขออภัยแฟนๆที่เข้ามาแวะเยี่ยมชมนะครับ ปลายปีต้องเคลียร์งานหลายอย่าง ทำให้ยังไม่ว่างเขียนบทความเรื่องการดูเนื้อพระหลวงพ่อสงวนตอนต่อไป ก็ขอคั่นรายการอีกซักครั้ง ด้วยพระขุนแผนไข่ผ่า หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อดินผสมผงซักองค์นะครับ อย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่า เนื้อแบบนี้เป็นพระยุคต้นทุ่งแฝก ดูกันไปเป็นยุคๆนะครับ จะได้ไม่สับสน ดูกันบ่อยๆจะได้เก่งๆกัน พระองค์นี้เป็นของเสี่ยไร่อ้อย ลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อสงวนนั่นแหละครับ เรื่องความแท้จึงไม่ต้องกังวลใจ เรื่องบุคคลก็รับประกันได้ส่วนหนึ่ง แต่นั่นคงยังไม่เท่าเรื่องเนื้อพระนะครับ เพราะบางคนเขาอาจจะบอกว่า ของแท้แท้ที่ของไม่ใช่คน แต่เฮ้อ ว่าแต่ เสี่ยไร่อ้อยแกเป็นลูกบุญธรรมหลวงพ่อสงวน พระก็ได้จากหลวงพ่อสงวนฟรีๆ ไม่รู้แกจะไปใช้พระเก๊ไปทำไมเหมือนกันครับ อีกอย่างก็คือ ลักษณะของพระนั้นย่อมบ่งบอกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า พระแท้หรือพระเก๊

พระขุนแผนไข่ผ่า หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อผงผสมดิน

Photobucket

ด้านหลัง สังเกตุลักษณะเนื้อดินผสมผงนะครับ เนื้อยังเป็นเอกลักษณ์ ดูบ่อยๆก็สังเกตุได้เองครับ

Photobucket

จุดสังเกตุพระยุคนี้ผมเคยบอกไปแล้วว่า เรื่องแรกต้องมีมวลสารพระขุนแผนวัดบ้านกร่าง องค์นี้มีให้เห็นเยอะ สังเกตุได้ชัดเจน อย่างผลึกสีเลือดนกที่ลูกศรชี้

Photobucket

อีกภาพครับ มวลสารเม็ดผลึกวัดบ้านกร่าง

Photobucket

เม็ดกรวดแบบนี้จะเห็นกระจายอยู่ทั่วๆไปในเนื้อพระ สังเกตุกันได้ไม่ยากครับ

Photobucket

ลักษณะของดินผสมผง และ แร่สะเก็ดดาว เม็ดหยาบใหญ่ ก็เป็นจุดหนึ่งที่บ่งบอกชัดเจนว่า ใครเป็นผู้สร้าง

Photobucket

Photobucket

เนื้อของพระยุคนี้ รวมถึงพระยุคหลังๆ ไปจนถึงพระยุควัดไผ่พันมือ ที่หลวงพ่อสงวนท่านผสมพระขุนแผนวัดบ้านกร่างลงไป มักจะสังเกตุลักษณะเนื้อพระเก่าที่บดไม่ละเอียด เป็นสีแดงอมน้ำตาลเข้มๆ ประปนอยู่ทั่วไป แตกต่างจากเนื้อพระชัดเจน

Photobucket

Photobucket


ก็หวังว่าคงช่วยให้หายเหงากันได้บ้างนะครับ ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาแวะเยี่ยมชมบล๊อคแห่งนี้ ถ้ามีข้อเสนอใดๆก็ฟีดแบ๊คกันกลับมาได้นะครับ การแสดงความเห็นก็แค่คลิ๊คที่ "ความคิดเห็น" ตรงด้านล่างๆท้ายบทความแต่ละบทความนะครับ ช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ หลายๆคนคงกลับไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเยอะ ก็ขับรถขับรากันด้วยความระวังนะครับ ก็ขอให้เดินทางกันสะดวกปลอดภัยกันทุกๆท่าน แล้วกลับมาพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ

16 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 7 ( พระยุควัดไผ่พันมือ )

ก็เข้าสู่การดูพระยุควัดไผ่พันมือกันนะครับ ในตอนก่อน ผมได้กล่าวถึงเนื้อพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือยุคต้นๆไปบ้างแล้ว ซึ่งจะพบว่า พระบางส่วนมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเนื้อพระสมัยวัดทุ่งแฝกมาก จนบางครั้งแยกกันได้ยาก แต่ก็พอจะแยกแยะได้บ้างจากลักษณะมวลสาร ซึ่งพระยุคนี้ความเข้มข้นของมวลสารจะไม่จัดเท่าเนื้อพระสมัยวัดทุ่งแฝก ทั้งนี้ก็คงเนื่องมาจากสาเหตุที่ผมได้บอกไว้ตั้งแต่ในตอนก่อนนั่นเอง ทำให้พระและลูกอมในยุคนี้จะปรากฏเป็นสีน้ำตาลซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสีก็จะค่อยๆอ่อนจางลงมาตามลำดับ จนกระทั่งกลายเป็นสีขาวล้วนเพียงอย่างเดียวในที่สุด และ มวลสารเองก็จะลดความเข้มข้นลงไปเรื่อยๆเช่นกัน จนแทบจะเหลือแต่ผงล้วนๆในยุคปลายวัดไผ่พันมือ พระในยุคนี้จะสังเกตุได้ง่ายจากลักษณะสี และ เนื้อพระ รวมทั้งความเก่าด้วย แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกเสมอๆว่า อย่าได้ยึดถือเป็นหลักตายตัวจนเกินไปนัก เพราะหลวงพ่อสงวนท่านสร้างพระตามความพอใจ และ ความสะดวกของท่าน การตักมวลสารแต่ละครั้งนั้นไม่มีสูตรตายตัวว่าจะต้องมีมวลสารอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้นเท่านี้ เนื้อพระจึงจะแตกต่างกันไป จุดสังเกตุนี้เป็นเพียงการประมาณการณ์คร่าวๆเท่านั้นว่า เป็นพระอยู่ในช่วงยุคใด ซึ่งบางครั้งต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย อย่างเช่น ลักษณะเนื้อพระ หรือ พิมพ์พระ เป็นต้น เพียงแต่พระส่วนใหญ่จะปรากฏอย่างที่ผมกล่าวมา ไปชมตัวอย่างของพระหลวงพ่อสงวนในยุควัดไผ่พันมือกันครับ

พระสมเด็จแหวกม่านแช่น้ำมนต์องค์นี้ จากลักษณะมวลสารที่หยาบใหญ่ และ สีที่ออกในโทนน้ำตาล พระน่าจะสร้างในช่วงยุคต้นวัดไผ่นั้นเอง

Photobucket

พระสมเด็จสามชั้นหูบายสี เนื้อยุคต้นวัดไผ่พันมือ

Photobucket

พระในยุคนี้สังเกตุกันง่ายๆจากลักษณะสีที่จะออกในโทนน้ำตาลเป็นหลัก

Photobucket

พระยุคต้นๆมวลสารจะค่อนข้างจัดจ้าน สังเกตุเห็นได้ชัดเจน

Photobucket


พระในช่วงยุคกลางถึงปลายวัดไผ่พันมือ มวลสารจะค่อยๆน้อยลง คงเหลือแต่ผงอิทธิเจเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเนื้อแบบนี้เป็นเนื้อที่พบมากที่สุด จึงเรียกกันติดปากว่า เนื้อมาตรฐานวัดไผ่พันมือ เช่นเดียวกับ พระสมเด็จสามชั้น หลังปั๊มตราวัดองค์นี้

Photobucket

Photobucket

ลักษณะของเนื้อพระมาตรฐาน หลวงพ่อสงวน ยุควัดไผ่พันมือ

Photobucket


พระในสมัยยุคปลายวัดไผ่พันมือ หรือ ยุคสุดท้ายก่อนหลวงพ่อสงวนท่านจะมรณะภาพ มวลสารจะน้อยกว่า ในบรรดาพระทุกยุค แทบจะเหลือเพียงเนื้อผงล้วนๆ แต่พระแท้นั้น ความเก่าก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ ซึ่งจะต่างจากของเก๊ ที่เนื้อยังสดใหม่

Photobucket


ก็คงมาถึงบทสุดท้ายของลำดับการดูเนื้อพระในแต่ละยุคอย่างคร่าวๆแล้วนะครับ ก็หวังว่า พี่ๆน้องๆที่ศรัทธาในองค์หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ คงจะพอแยกแยะเนื้อพระกันได้บ้างแล้วว่าพระของท่านมีเนื้อแบบไหน สร้างในยุคไหน สมัยไหน กันบ้าง ในตอนต่อๆไป ผมจะมาลงในรายละเอียดของ พระหลวงพ่อสงวน ในเรื่องพระเนื้อแบบต่างๆกันนะครับ ว่ามีพิมพ์ไหนกันบ้าง อดใจรอไว้พบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ สวัสดีครับ

15 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 6 ( พระยุคกลาง-ช่วงปลายวัดทุ่งแฝก)

เราผ่านหลักสูตรการดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ในยุคต้นวัดทุ่งแฝกกันมาแล้ว คราวนี้ก็มาต่อกันด้วย พระในช่วงยุคกลางถึงปลายวัดทุ่งแฝกกันนะครับ พระในช่วงกลางและยุคท้ายๆนี้ จะสังเกตุเห็นว่า มวลสารของพระจะละเอียดขึ้น เนื่องจากท่านเริ่มใช้เครื่องบดมวลสารในการทำ แต่มวลสารก็จะเริ่มมีจำนวนน้อยลงตามลำดับ ซึ่งจริงๆแล้ว การจะแบ่งพระในช่วงยุคกลางวัดทุ่งแฝกไปจนถึงยุคต้นๆของวัดไผ่พันมือออกจากกันนั้น ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน ดังนั้น ลักษณะเนื้อพระที่เราจะศึกษากันในช่วงนี้ จึงเป็นแค่การบอกกล่าวถึงช่วงเวลาคร่าวๆเท่านั้นว่า น่าจะเป็นพระอยู่ในยุคไหน ช่วงเวลาใด พระในยุคท้ายๆ และ ยุคต้นวัดไผ่พันมือนั้น เนื้อพระมักจะมีสีน้ำตาลค่อนข้างจะเข้ม มาดูตัวอย่างพระในยุคนี้กันนะครับ

พระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อสีน้ำตาล

Photobucket

องค์นี้ดูจากมวลสารแล้ว ค่อนข้างจะเข้มข้นพอสมควร

Photobucket

พระผงสุพรรณ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อเขียว

Photobucket

พระพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโย หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อสีน้ำตาล

Photobucket

Photobucket

พระสมเด็จวัดเกศไชโย หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อลูกอมมีห่วง

Photobucket

Photobucket

ลูกประคำสีน้ำตาลแก่เนื้อว่าน หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ยุควัดทุ่งแฝก

Photobucket

เนื้อลักษณะนี้กับเนื้อยุคต้นวัดไผ่นั้น จะความคล้ายคลึงกันมาก จึงแยกออกจากกันค่อนข้างลำบาก

Photobucket


เป็นที่น่าสังเกตุว่า พระและลูกอมในยุคคาบเกี่ยว ระหว่างรอยต่อยุควัดทุ่งแฝกกับวัดไผ่พันมือนั้น จะคล้ายคลึงกันมาก แต่ก็มีจุดน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ทำไมพระและลูกอมส่วนใหญ่ในยุควัดไผ่พันมือนั้น จึงปรากฏแต่เพียงพระและลูกอมเนื้อสีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสีสันก็จะค่อยๆอ่อนจางลงตามลำดับ จนกลายเป็นสีขาวล้วนในสมัยวัดไผ่พันมือยุคต่อมา ทำไมจึงไม่มีสีอื่นเฉกเช่น ในสมัยวัดทุ่งแฝก ???

จากการสันนิษฐาน เราคงทราบกันดีว่า ในประวัติของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ช่วงที่ท่านจะย้ายจากวัดทุ่งแฝก มาจำพรรษาอยุ่ที่วัดไผ่พันมือนั้น ท่านมาอย่างปัจจุบันทันด่วน มิได้มีการเตรียมการมาล่วงหน้า เนื่องจากมีความขัดแย้งกับเจ้าอาวาสวัดในเรื่องการบรรจุพระในหอระฆัง ซึ่งทำให้ท่าน ไม่สามารถนำมวลสารที่ใช้ทำพระในสมัยนั้นติดตัวมาได้ทั้งหมด คงนำติดตัวมาได้แต่องค์พระที่ทำเสร็จแล้วจำนวนไม่มาก และมวลสารเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งคงจะเป็นมวลสารทำพระสีน้ำตาลนี่เอง ทำให้พระยุควัดไผ่มวลสารไม่จัดจ้าน เข้มข้นและ หลากสีสันเฉกเช่นพระวัดทุ่งแฝก พระสมัยวัดไผ่จึงปรากฏว่าท่านใช้ผงอิทธิเจเป็นมวลสารหลักในการทำพระและลูกอม ทำให้เนื้อพระยุควัดไผ่นั้นแตกต่างจากสมัยทุ่งแฝกอย่างชัดเจน ในตอนหน้า เราจะมาดูพระยุควัดไผ่พันมือกันนะครับ สวัสดีครับ

10 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 5 ( พระเนื้อมาตรฐานวัดทุ่งแฝก )

ติดค้างมานานหลายวัน เพิ่งหาโอกาสมาเขียนบทความฝากแฟนๆกันต่อได้ วันนี้ก็ไปต่อกันที่เรื่องพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือยุคทุ่งแฝกกันต่อนะครับ พระเหล่านี้เป็นพระในยุคต่อมา ซึ่งปรากฏว่า ท่านได้นำมวลสารต่างๆหลายอย่างมาผสมลงไปในเนื้อพระด้วย เช่น ว่านต่างๆ แร่สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี ผลึกสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีขาวขุ่น ขาวใส สีฟ้า เป็นต้น แต่ก็ยังปรากฏมวลสารของพระกรุบ้านกร่างอยู่ด้วย แต่มิได้มากมายเหมือนกับพระยุคแรกๆ ซึ่งแทบจะเป็นมวลสารหลักอย่างเดียวในเนื้อพระเลยก็ว่าได้ สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะพระกรุมีจำนวนน้อยลง ท่านจึงหามวลสารต่างๆมาทดแทน พระยุคนี้เนื้อหลักจะเป็นผงอิทธิเจ ผสมกับมวลสารต่างๆที่ผมกล่าวขั้นต้น ในยุคแรกๆเนื้อมวลสารต่างๆ จะหยาบใหญ่ และมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทราบมาว่า เป็นเพราะช่วงแรกๆนั้น ท่านยังใช้ครกตำส่วนผสมอยู่นั่นเอง ในช่วงยุคหลังๆได้มีการนำเครื่องบดมวลสารมาใช้แทน พระจึงมีเนื้อละเอียดมากขึ้น ดังนั้น ลักษณะมวลสาร รวมทั้งปริมาณมวลสารในเนื้อพระ จึงเป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่า พระองค์นั้นสร้างในยุคไหน ผมขอแบ่งลักษณะเนื้อซึ่งถือได้ว่าเป็นเนื้อมาตรฐานในยุคทุ่งแฝก ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้นะครับ

- พระเนื้อผง
ประกอบด้วย พระสีต่างๆได้แก่

1.พระเนื้อสีดำ และ เทาดำ เนื้อแบบนี้เป็นที่นิยมที่สุดของผู้ที่ศรัทธาหลวง เนื่องจากประสบการณ์ที่เด่นชัด มีคนให้คำนิยามพระเนื้อแบบนี้ไว้ว่า “แรงและเร็ว” พระเนื้อสีนี้ โดยส่วนมากจะมีทองคำเปลวเสก ปิดองค์พระมาด้วย พิมพ์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง หนีไม่พ้น พระแหวกม่านยุคต้น เนื้อดำ ครับ


Photobucket

2.พระเนื้อสีน้ำตาล เนื้อแบบนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้เนื้อสีดำเหมือนกัน พิมพ์ที่นิยมที่สุดคงไม่พ้น พิมพ์พระประธานห้าชั้น ประสบการณ์นั้นไม่แพ้รุ่นไหน มีคนบอกว่า ไม่แพ้พระแหวกม่านดำปิดทองเลย ต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่าย ประมาณนั้น แต่มาแบบช้าหน่อย ยังให้องค์ดำปิดทองเป็นต่ออยู่นิดๆ สำหรับผมด้วยเช่นกัน



Photobucket

3.พระเนื้อสีแดง พบจำนวนไม่แพ้พระเนื้อดำหรือ สีน้ำตาล รวมทั้งความนิยมด้วย ด้วยความที่สีและความสวยงามออกแนวคลาสสิค รวมทั้งพุทธคุณนั้นไม่น้อยหน้าพระแบบไหนเลย


Photobucket

4.พระเนื้อสีเทาเขียว พระเนื้อแบบนี้ก็พบเป็นจำนวนมากไม่แพ้สีอื่นๆเช่นกัน แต่ในด้านความสวยงาม อย่างพิมพ์พระแหวกม่านยุคต้น ความสวยงามจะเป็นรองเนื้ออื่นๆ แต่พุทธคุณจากที่ลองมา ก็ไม่ได้น้อยหน้าพระเนื้อสีอื่นๆเลย แต่ในพิมพ์อื่นๆพระเนื้อแบบนี้ก็มีสวยๆเยอะครับ

Photobucket

5.พระเนื้อสีขาว พบจำนวนไม่น้อยเช่นกัน แต่มักปรากฏว่า พระเนื้อสีนี้ พระจะไม่ค่อยสวยงามเช่นสีอื่นๆ และ มักจะมีรอยแหว่งบ้าง หลุมบ้าง สังเกตว่า ส่วนใหญ่มักเกิดจากโดนแมลงแทะครับ

Photobucket


6.พระเนื้อสีเหลือง สีแบบนี้ค่อนข้างหายาก พบจำนวนค่อนข้างน้อย ถ้าเผื่อมีก็รักษาไว้ให้ดีนะครับ

Photobucket


7.พระเนื้อสีม่วง พบน้อยที่สุด ไม่มีภาพตัวอย่างครับ เพราะผมไม่มี ต้องขออภัยครับ

- พระเนื้อว่านผสมผง

พบจำนวนไม่มากเท่าพระเนื้อผง ลักษณะจะเป็นเนื้อแก่ว่านกว่ามวลสารอื่นๆ ที่พบบ่อยที่สุดคือ เนื้อสีดำ กับ น้ำตาล

Photobucket

Photobucket


- เนื้อแบบพิเศษหายาก ได้แก่


- พระคำข้าว มีทั้งแบบเนื้อหยาบกับเนื้อละเอียด ทราบประวัติการสร้างจากลูกศิษย์ใกล้ชิดบอกว่า หลวงพ่อท่านมีข้าวอยู่หนึ่งบาตร ไม่ทราบว่า ได้มาจากไหน เป็นข้าวเม็ดป้อมๆสั้นๆ สีเหลือง และ มีกลิ่นหอมมาก ท่านเลยนำมาสร้างพระ เรียกกันว่า พระคำข้าว ซึ่งเป็นพิมพ์พระสมเด็จแหวกม่านขาโต๊ะ พระเนื้อแบบนี้จะไม่ค่อยสวยนัก บิดบ้าง เบี้ยวบ้าง ยังไม่เคยเจอองค์ที่สมบูรณ์เลยครับ แต่มีความพิเศษที่มีกลิ่นที่หอมมาก จนได้ฉายาว่า “พระเนื้อหอม” เป็นเรื่องน่าแปลกที่พระผ่านกาลเวลามาเกือบห้าสิบปี จะยังคงความหอมไว้ได้ ด้วยความเชื่อในหมู่ผู้ที่ศรัทธาว่า มวลสารที่ใช้ทำนั้น เป็นของพิเศษ ลักษณะคล้าย “ข้าวทิพย์” หรือ ข้าวเทวดา ที่บรรยายไว้ในประวัติครูบาอาจารย์ต่างๆ เช่น หลวงปู่ชอบ หลวงพ่อฤาษี เป็นต้น จึงทำให้พระแบบนี้เป็นที่แสวงหาในหมู่ผู้ที่ศรัทธาเป็นอย่างมาก แต่ก็หาได้ยากสุดๆ พระแบบนี้ เชื่อกันว่า เด่นในทางเมตตา และ ทางลาภ

Photobucket

- พระแหวกม่านขาโต๊ะเนื้อดำ เป็นพระพิมพ์เดียวกับพระคำข้าว แต่เนื้อคนละอย่างกัน พระเนื้อดำนี้มวลสารคล้ายๆเป็นขี้เถ้า ซึ่งน่าจะเป็นเถ้าจากการเผาใบลานผสมลงไปด้วย ไม่มีกลิ่นหอมเช่นพระคำข้าว

Photobucket

พระพิมพ์แบบนี้ยังมีสีขาว กับ เนื้อดินผสมผงที่ผมได้โชว์ไปแล้วในตอนก่อนๆนะครับ

Photobucket

เนื้อพระหลวงพ่อสวน ในยุคทุ่งแฝก ที่ผมบอกไว้ข้างต้นนั้น แบ่งตามลักษณะเนื้อและสีหลักๆที่เจอกันนะเท่านั้นนะครับ แต่ละสี แต่ละเนื้อลักษณะก็จะแตกต่างยังสามารถแบ่งย่อยๆลงไปได้อีก ขึ้นอยู่กับการผสมมวลสารของท่านแต่ละครั้ง แต่ก็จะไม่แตกต่างจากเนื้อมาตรฐานที่บอกมาในขั้นต้นมากนัก จึงสามารถรวบให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ พระเหล่านี้ถ้าดูบ่อยๆ ก็จะจำติดตากันได้ไม่ยากนัก เอาไว้ในตอนต่อๆไป ผมจะนำตัวอย่างพระในแต่ละเนื้อ แต่ละสีมาให้ชมกันนะครับ วันนี้ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

06 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 4 ( หลักฐานรอยต่อพระยุคแรกกับพระยุคหลังทุ่งแฝก )

กลับมาพบกันอีกครั้ง กับตอนต่อไปของเรื่องราวการดูพระหลวงพ่อสงวนนะครับ จากตอนก่อนๆก็หวังว่า พี่ๆน้องๆที่รักและศรัทธาหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือทุกๆท่าน คงพอแยกแยะพระเนื้อแก่ดินกรุได้บ้างแล้ว แต่บางท่านอาจจะคลางแคลงใจอยู่ว่า แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่า พระที่ผมนำมาให้ดูนั้น เป็นพระที่หลวงพ่อสงวนท่านสร้างไว้จริง ซึ่งจริงๆพระเหล่านี้ทั้งลูกศิษย์ใกล้ชิด และ ชาวบ้านในแถบนั้น ล้วนเป็นพยานบุคคลยืนยันชัดเจนว่า พระเหล่านี้หลวงพ่อท่านสร้างในยุคแรกๆ แต่เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น วันนี้ผมก็จะพาทุกท่าน ไปพบกับหลักฐานยืนยัน พระองค์นี้น่าจะสร้างขึ้นในรุ่นราวคราวเดียวกันกับ พระยุคแรกๆนั่นแหละครับ แต่เนื้อแก่ผงมากกว่า ซึ่งจะเป็นองค์เชื่อมโยงระหว่างพระเนื้อดินผสมผงยุคแรก กับ พระเนื้อมาตรฐานยุควัดทุ่งแฝกสมัยถัดมาได้เป็นอย่างดี องค์นี้ยังเป็นเนื้อผงผสมดินที่ยังปรากฏเนื้อดินพระกรุบ้านกร่างอยู่มาก แต่ก็แก่เนื้อผงมากขึ้น ซึ่งทำให้ดูง่ายขึ้น ดูลักษณะเนื้อแล้วน่าจะเป็นต้นตระกูลของพระเนื้อแดงในยุคถัดมานั่นเอง

พระขุนแผนปลัดทวีเนื้อผงผสมดิน หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ
สังเกตุลักษณะเนื้อ เปรียบเทียบกับลูกอมหัวตะปูในตอนก่อนนะครับ จะเห็นว่า ยังมีกลิ่นอายของเนื้อดินผสมผง แต่แก่ผงมากขึ้น ผมจึงเรียกว่า เนื้อผงผสมดิน




Photobucket


ด้านหลังติดรูปถ่ายหน้าหนุ่มของหลวงพ่อสงวนมาด้วย ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า พระองค์นี้ ใครเป็นผู้สร้าง

Photobucket


ลองมาดูเนื้อกันชัดๆนะครับ ลักษณะเนื้อจะแก่เนื้อผงมากขึ้น ซึ่งจะสังเกตุเห็นดินเผาสีอิฐก้อนเล็กๆมากมายกระจายอยู่ในเนื้อพระ ซึ่งก็คือ เนื้อดินเผาของพระขุนแผนวัดบ้านกร่างนั่นเอง

Photobucket


เม็ดกรวดพระขุนแผนบ้านกร่างปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปในเนื้อพระ สังเกตุถึงความเก่าของเนื้อพระนะครับ นี่ไม่ใช่พระใหม่แน่นอน

Photobucket


ขยายเนื้อชัดๆด้านหลัง จะเห็นว่า เนื้อพระยังค่อนข้างแก่เนื้อดินอย่างองค์ก่อนๆที่ได้กร่าวไปแล้ว และ ปรากฏมวลสารเม็ดกรวดพระวัดบ้านกร่างอยู่ทั่วไปเช่นกัน

Photobucket


เทียบกับพระขุนแผนปลัดทวีสององค์ก่อนที่ผมลงให้ชม สังเกตุตำหนิพิมพ์นะครับ จะเห็นได้ชัดว่า ทั้งสามองค์นี้มาจากแม่พิมพ์บล๊อคเดียวกันแน่นอน พระขุนแผนปลัดทวีในยุคแรกนั้น จะมีจุดที่แตกต่างจากพิมพ์ในยุควัดไผ่พันมือที่พอสังเกตุได้คือ เช่น พระเกศจะเอียงไปด้านซ้ายเล็กน้อย ซุ้มเรือนแก้วด้านบนสุดมีเนื้อพระเกินมาเล็กน้อย และ เสาซุ้มประตูด้านซ้าย จะต่อเชื่อมกับพระบาทซ้ายเป็นเส้นชัดเจน

Photobucket

ด้านหลัง พระสามเนื้อ สามสไตล์

Photobucket


อย่างที่ผมได้เกริ่นไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่า พระองค์นี้เป็นเสมือนองค์ต่อเชื่อม ให้เห็นถึงความสัมพันธุ์ของพระเนื้อมาตรฐานยุควัดทุ่งแฝก กับ พระยุคแรกที่เป็นเนื้อแก่ดินกรุได้เป็นอย่างดี ในตอนต่อไปเราจะมาว่ากันถึงพระเนื้อมาตรฐานยุคทุ่งแฝกกัน แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ


04 ธันวาคม 2551

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 3 ( ประคำเนื้อดินกรุ )

สวัสดีครับ ก็กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการดูเนื้อพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ กันต่อ ในตอนนี้ก็จะยังอยุ่ที่เนื้อยุคแรกวัดทุ่งแฝก ซึ่งเป็นเนื้อแก่ดินกรุพระขุนแผนวัดบ้านกร่าง วันนี้จะนำทุกท่านมาพบกับ สร้อยประคำเนื้อดินผสมผง ซึ่งถือว่า เป็นเส้นเดียวที่มีเนื้อหาลึกที่สุดเท่าที่เคยพบมา และ พุทธคุณนั้นโดดเด่นจริงๆครับ คนที่ได้ลองใช้ถึงกับมีขนานนามให้ว่า " ประคำเทพ" เนื้อของลูกประคำในสร้อยเส้นนี้ สามารถใช้เป็นเนื้อครูสำหรับดูลักษณะของเนื้อดินผสมผงได้อย่างดีอีกอย่างหนึ่ง

ลูกประคำเนื้อดินผสมผง หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

ประคำเส้นนี้เจ้าของเดิมบอกว่า ได้รับมาจากหลวงพ่อในงานบุญที่วัด ได้รับมาพร้อมกับพระแหวกม่านเกศทะลุซุ้มที่ผมลงให้ดูในตอนก่อนนั่นเอง

Photobucket

เมื่อแกะออกมา หน้าตาแบบนี้ครับ

Photobucket

Photobucket

มุมมองจากด้านบน

Photobucket


ไม่ว่าจะเป็นพระ ลูกอม หรือ ลูกประคำที่เป็นเนื้อลักษณะนี้ มีมวลสารที่ถือได้ว่า เป็นจุดตาย ก็คือ 1.มวลสารพระวัดบ้านกร่าง 2.ทองคำเปลว ซึ่งตัวทองคำเปลวนี้ทราบจากประวัติว่า หลวงพ่อสงวนท่านได้ทำการปลุกเสกไว้ จึงเรียกกันในหมู่ลูกศิษย์ว่า "ทองคำเสก " 3.เนื้อเปลือกหอย ลักษณะคล้ายเปลือกกระเทียม อันเป็นมวลสารสำคัญอย่างหนึ่งของพระขุนแผนกรุวัดบ้านร่าง

ที่ลูกศรชี้คือเม็ดกรวดพระขุนแผนวัดบ้านกร่าง สังเกตุลักษณะของเนื้อดินผสมผง ของผิวลูกอมด้วยนะครับ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

ทองคำเปลวเสก

Photobucket

Photobucket

เม็ดกรวดพระวัดบ้านกร่างจะกระจายให้เห็นอยุ่ทั่วไปในเนื้อลูกประคำ

Photobucket


สร้อยเส้นนี้มีลูกประคำลูกหนึ่งที่มีรอยแตก และ ได้รับการซ่อมแซมมาจากวัด ผงที่ใช้อุดซ่อมก็มีลักษณะเดียวกับเนื้อพระยุควัดไผ่พันมือนั่นเอง เป็นหลักฐานฟ้องชัดว่า สร้อยเส้นนี้เป็นของที่หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือท่านทำแน่นอนครับ

Photobucket

มาพบกับตัวอย่างอันต่อไปครับ

ลูกอมหัวตะปู เนื้อดินผสมผง หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Photobucket

มวลสารจัดจนเกือบนึกว่า เป็นเนื้อพระขุนแผนวัดบ้านเอามาปั้นซะอีก

Photobucket

เปรียบเทียบกับเนื้อพระวัดบ้านกร่างแท้ๆ

Photobucket

ดูเนื้อชัดๆ สังเกตุเม็ดกรวดพระวัดบ้านกร่างอันเป็นจุดตายตามลักษณะที่ผมบอกครับ

Photobucket

ทองคำเสก

Photobucket


จากบทความทั้งสามตอนที่ผ่านมา คงพอช่วยให้ท่านที่สนใจ หรือ กำลังศึกษาพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมืออยู่ ได้รับความรู้เรืองของพระเนื้อแก่ดินกรุ ของหลวงพ่อสงวนไปบ้างไม่มากก็น้อย ก็คงพอช่วยให้ท่าน ดูพระเนื้อแบบนี้ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่เพื่อมิให้เรื่องราวเยิ่นเย้อจนเกินไป ผมขอจบเรื่องของพระยุคแรกที่เป็นเนื้อดินผสมผงแต่เพียงเท่านี้ ตอนหน้า เราจะมาว่ากัน ถึงพระยุคทุ่งแฝกเนื้ออื่นๆกันนะครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

เกี่ยวกับฉัน