ก็มาพิสูจน์กันนะครับว่า พระกรุหลวงพ่อสงวนนั้นเป็น "พระกุ" อย่างที่คนบางกลุ่มเขากล่าวหา โดยที่มิได้มีใครที่อยู่ในเหตุการณ์เลย แต่กลับมาสรุปเอาแบบคิดเองเออเอง ผมว่าก็ไม่เป็นธรรมกับทางวัดนะครับ และที่สำคัญ "บาปกรรม" นรกจะกินหัวเอานะครับท่านๆ อีกเรื่องที่มีการพูดถึงกันคือ ถ้าเป็นพระกรุจริง เหตุใดถึงไม่มีพระพิมพ์ที่คุ้นตาหรือ พระพิมพ์นิยม ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ บรรจุอยู่ด้วย ผมขอเรียนว่า จากการสอบถามทราบว่า ช่วงเวลาที่มีการบรรจุพระกรุนั้น เป็นช่วงที่ท่านมาอยู่วัดไผ่พันมือใหม่ๆ และ ได้ทำการบูรณะอุโบสถ และ สร้างแท่นพระเพื่อประดิษฐ์สถานหลวงพ่อดำ ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า พระที่บรรจุกรุนั้น หากเป็นพระผงก็คงจะแตกหักไม่คงทนอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระกรุโดยทั่วๆไปจะเป็นพระเนื้อดิน หรือ เนื้อที่มีความแกร่ง เพื่อให้คงทนกับความร้อน ความชื้น ภายในกรุ ที่องค์พระต้องเผชิญ
หลายๆอาจารย์เอง ท่านก็ล้วนทำพิมพ์พระต่างหากเพื่อบรรจุกรุ โดยพิมพ์และเนื้อ มิได้เหมือนพระที่ท่านให้บูชาโดยทั่วๆไปเลย ซึ่งก็คงไม่แตกต่างจากพระของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือหรอกครับ ว่าทำไมเนื้อหาและพิมพ์ถึงได้แตกต่างจากปกติ จาการสังเกตุของผมพบว่า พระกรุที่หลวงพ่อสงวน ท่านได้บรรจุไว้นั้น ล้วนเป็นพระในยุคต้นๆของ วัดไผ่พันมือทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าถึงช่วงเวลาที่ท่านทำแท่นพระขึ้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจครับ ว่าทำไมเราไม่เจอพระแหวกม่านบ้างเลย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระแหวกม่านยุควัดไผ่พันมือนั้น ถือ กำเนิดในช่วงเวลาถัดมา คือ ในยุคกลางๆของวัดไผ่พันมือ พระแหวกม่านจึงไม่มีบรรจุไว้ในกรุอย่างแน่นอน แต่คำว่า พิมพ์นิยม ผมเองก็ไม่ทราบว่า ใครให้คำจำกัดความ เพราะมาเล่นหากันในยุคหลังนี่เอง และ หลวงพ่อสงวน ท่านก็ทำพระแจกฟรี ไม่ได้มีราคาค่างวดอย่างปัจจุบัน ดังนั้น ยุคนั้นจึงไม่มีพิมพ์นิยม ไม่นิยมหรอกนะครับ ด้วยเหตุนี้ การไม่มีพระแหวกม่านจึงไม่ใช่เหตุผลที่ใครจะยกมาอ้างว่า กระกรุเป็นพระเก๊หรอกนะครับ
ผมเองในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ทางวัดเปิดให้บูชาพระที่บ้านลุงสุดด้วย ก็ขออนุญาติพาทุกๆท่านไปพิสูจน์กันหน่อยแล้วกันว่า พระที่บรรจุกรุไว้นั้น จริงๆแล้วเป็นพระที่ใครเอาไปยัด หรือ หลวงพ่อสงวนสร้างไว้กันแน่ ผมเองเคยบอกเสมอว่า พระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือนั้น ถึงแม้ พิมพ์พระจะแตกต่างไป แต่เนื้อหาไม่ใช่ว่าจะหลุดโลกแบบฟ้ากับเหวหรอกครับ ทุกสิ่งล้วนพิสูจน์ได้เสมอ ไปดูองค์แรกกันเลยครับ
พระเอกของกรุนั้นคงต้องยกให้ พระพิมพ์นี้ครับ พระขุนแผน พิมพ์ปลัดทวี ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุควัดทุ่งแฝก หากใครจะยังบอกว่า พิมพ์นี้ไม่คุ้นตา ผมว่า ท่านคงต้องไปศึกษาหาความรู้เยอะๆหน่อยนะครับ พระพิมพ์นี้บรรจุไว้ในกาน้ำชา เข้าใจว่า เป็นเพราะเนื้อพระเปราะกว่าพิมพ์อื่นนั้นเอง ถึงต้องบรรจุไว้ในภาชนะ ช่วงที่ช่างทุบกรุนั้น ลุงสุดเล่าว่า ฆ้อนพลาดไปโดนกาน้ำชาเข้า ทำให้กาแตกออก สำหรับจำนวนนั้น ประมาณกันว่า มีอยู่ประมาณสี่สิบกว่าองค์เท่านั้นเอง


จากภาพจะสังเกตุได้ว่า พิมพ์พระ และ เนื้อหานั้นฟ้องชัดว่า เป็นพระที่หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือสร้างไว้ องค์พระนั้นมีคราบกรุ ปรากฏอยู่โดยทั่วๆไป คราบเหล่านี้ การเกิดต้องใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น หากมีใครเอาไปฝังไว้แค่ปีสองปี คงไม่เกิดคราบกรุที่เป็นธรรมชาติแบบนี้หรอกนะครับ เอาแค่หาพระเนื้อขาวนวลยุคลึกๆแบบนี้มาฝังได้ตั้งหลายองค์ ผมก็ว่าเก่งแล้วล่ะ อ้อ..ราคาพระพิมพ์นี้ถึงไม่ฝังยังไงก็ราคาแรงกว่าพระกรุที่ทางวัดเอาออกให้บูชาอยู่แล้ว คงไม่คุ้มหรอกครับที่จะอุตริเอาพระมาฝังไว้ตั้งหลายปี แล้วเอาออกให้บูชาแค่พันเดียว
ภาพขยาย ลองสังเกตุเนื้อพระนะครับ ว่าเก่าได้อายุ และ ลองสังเกตุดิน หรือ คราบที่เกาะองค์พระ นี่ไม่ใช่ฝีมือใครจะมาเมคขึ้นได้ นอกจากฝีมือธรรมชาติเท่านั้น

เนื้อพระด้านหลัง สำหรับมือใหม่อาจจะแปลกใจว่า ทำไมเนื้อหาถึงได้แปลกไปจากพระขุนแผนปลัดทวีหลวงพ่อสงวน ที่คุ้นตากัน ผมจะบอกให้ว่า เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อพระในยุคต้นๆ ของวัดไผ่พันมือ ที่ยังมีกลิ่นอายของพระเนื้อขาวในยุคของวัดทุ่งแฝกอยู่ สังเกตุเนื้อจะขาวนวลตากว่าพระในยุคปลายวัดไผ่พันมือ จึงสันนิษฐานได้ไม่ยากครับว่า ช่วงเวลาที่ท่านทำแท่นพระ และ บรรจุพระกรุไว้ข้างใต้นั้น เป็นช่วงเวลาที่ท่านเพิ่งมาอยู่วัดไผ่พันมือได้ไม่นานนัก

คราบแบบนี้ ใครก็ทำขึ้นไม่ได้หรอกครับ

ก็คงดูกันไม่ยากนะครับสำหรับองค์แรก เพราะพิมพ์กับเนื้อหาคุ้นตากันดีอยู่ หากใครยังสงสัยก็ลองย้อนกลับไปอ่านเรื่องพระเนื้อขาวหลวงพ่อสงวน ในยุควัดทุ่งแฝกที่ผมเขียนไว้ก็แล้วกันนะครับ ก่อนจบวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณน้อง Missuja ด้วยนะครับ ที่ส่งพระองค์นี้มาให้ถ่ายรูปเป็นวิทยาทาน วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ
เยี่ยมครับพี่
ตอบลบ:)
ตอบลบ