
พระรุ่นนี้ทราบมาว่า เริ่มปรากฏตัวพร้อมๆพระอื่นๆของ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ แต่เนื่องด้วยเซียนทั้งหลายติว่า พิมพ์ไม่ค่อยสวย แถมเนื้อก็ไม่เหมือนพระอื่นๆ ทำให้ไม่มีใครเหลียวแล จนวันหนึ่ง ผมได้รับพระชุดนี้มา ก็เรียกว่า โดนยัดมาเป็นชุดน่ะแหละ พอเปิดกล่องพัสดุออกมาก็หน้าเบ๊ว่า " พระอะไรหว่า ไม่สวยเอาซะเลย " องค์พระดูบิดๆเบี้ยวๆ พิกล แต่กลิ่นหอมที่ตลบอบอวลออกมาจากองค์รพระ หอมชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ... นั่นเป็นสิ่งเดียวทำให้ความรู้สึกผิดหวังของผมดีขึ้น พร้อมกับความแปลกใจระคนว่า พระที่ผ่านกาลเวลามา 40 กว่าปีแล้ว ยังคงมีกลิ่นหอมแบบนี้ได้อย่างไร ??? น้ำหอมอะไรที่สามารถคงความหอมได้นานปานนี้ นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างหนึ่ง จากนั้นก็เก็บพระใส่กล่องไว้ ไม่ได้เหลียวแลอีกเลย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมฝันไปว่า ( บอกตั้งแต่ตอนก่อนแล้วนะครับว่า ขุนแผนน้อย ชอบฝัน ) หลวงพ่อสงวน ท่านเมตตามาบอกว่า พระที่ได้ไปน่ะ ไม่ใช่พระธรรมดาสามัญนะ มวลสารที่ใช้ทำมีความสำคัญมาก พระทำมาจาก ข้าวของเทวดาซึ่งมาใส่บาตรให้ท่าน ท่านจึงนำมาทำเป็นพระ สิ่งนี้เป็นของกายสิทธิ์ ไม่มีในโลกมนุษย์ ใครได้ไว้ จะมีลาภมาก และ ขออะไร ขอให้บอกเทพที่รักษาองค์พระ จะสมความปรารถนาทุกประการ... อ่า ฝันแปลกๆอีกแล้วสิ นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ในการค้นหาความจริงว่า ความฝันที่ หลวงพ่อสงวน ท่านบอกนั้น เป็นเพียงฝันเลื่อนลอย หรือ มีมูลความจริงประการใด

ผมเก็บความฝันไว้ในใจ ฝากคนที่รู้จัก ไปสืบให้ว่า มีใครทราบความเป็นมาของพระคำข้าวบ้าง ว่าหลวงพ่อสงวน ท่านใช้ข้าวอะไรมาทำ ก็ได้ข่าวจาก พี่เสี่ยไร่อ้อย ลูกบุญธรรมของหลวงพ่อสงวนตามเคย ว่า หลวงพ่อสงวน ท่านได้ข้าวมาบาตรหนึ่ง ไม่รู้ว่าได้มาจากไหน มีลักษณะเม็ดป้อมๆ สีเหลือง และ มีกลิ่นหอมมาก ครับ...หลวงพ่อสงวน ท่านมิได้ปริปากบอกใครเลยว่า ข้าวเหลืองๆหอมๆนั้น เป็นข้าวอะไร และ ท่านได้มาจากไหน จวบจนปัจจุบันนี้ แม้แต่ลูกศิษย์คนสนิทใกล้ตัวท่าน ก็มิได้รู้ความลับนี้เลย ทุกคนทราบเพียงแค่ว่า เมื่อหลวงพ่อสงวนทำเสร็จ ท่านเรียกพระนี้ว่า " พระคำข้าว " แต่ข้อมูลเพียงแค่นี้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ที่จะยืนยันความฝันของตัวเองอีกครั้งว่ามิใช่ละเมอเพ้อพก หรือ ฝันเลื่อนลอย

( ต้องขออภัยนะครับ ผมไม่อยากเรียก พระพิมพ์นี้ว่า สมเด็จตัวหนอน อย่างชาวบ้านเขา กลัวเกิดเป็นหนอน 500 ชาติน่ะ ไปเรียกพระว่า ตัวหนอนได้ไงล่ะนั่น )
เรื่องราวของ ข้าวทิพย์ หรือ ข้าวเทวดานั้น ตามประวัติครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยสำผัส เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ อีกหลายๆองค์ กล่าวไว้ตรงกันว่า ข้าวนั้น มีลักษณะ มีสีเหลืองน้อยๆ เม็ดคล้ายๆกับข้าวบนเมืองมนุษย์ของเรา แต่มีขนาดสั้นกว่า และ มีกลิ่นหอม และ รสอร่อยมาก ... แน่นอนครับ คนที่ผมฝากถาม และ ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ตัวท่าน ไม่มีใครทราบเกี่ยวกับข้าวที่ว่านี้เลย แม้แต่พี่เสี่ยไร่อ้อย จึงเป็นไปไม่ได้ว่า จะกุเรื่องขึ้นมา เพราะผมก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความฝันผมไปเลย ฝากถามเพียงว่า มีใครรู้เรื่องบ้างว่า หลวงพ่อสงวน ท่านใช้ข้าวอะไรทำพระ ก็แค่นั้น...คำตอบที่ได้มา ครับ...ใช่เลย

หลักฐานเพียงสิ่งเดียวที่พอจะพิสูจน์เรื่องนี้ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็คือ มวลสารขององค์พระคำข้าว นั่นเองครับ วันนี้ผมจะพาท่านไปเจาะลึก เรื่องมวลสารของพระคำข้าวกัน มาเริ่มกันที่พิมพ์ต้นฉบับกันก็แล้วกัน
ถ้าลองสังเกตุกันให้ดี จะพบว่า พระคำข้าว หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ แต่ละองค์นั้น สีจะออกเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ซึ่งเป็นสีที่มาจากเมล็ดข้าวสีเหลืองที่ว่านี่เอง เมื่อส่องดูมวลสารองค์พระ จะพบเห็นเม็ดข้าวที่ละเอียดนั้น ผสมไปกับผงอิทธิเจ ทำให้สีอ่อนจางลง แต่ก็ยังพบเม็ดข้าวที่บดไม่ละเอียดหลงเหลืออยู่ในเนื้อพระเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนที่ยังเป็นเม็ดไม่ละเอียดนี้เอง ที่ทำให้ทราบว่า เมล็ดข้าว นั้นแต่เดิมมีสีเหลือง อย่างที่ได้รับข้อมูลมาจริงๆ

พบกระจายอยู่ทั่วๆไปในเนื้อพระ นี่คือ หลักฐานชั้นดี ที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมที่สุด

ตัวอย่าง อีกมุมหนึ่ง

บางคน อาจจะคิดว่า บางทีหลวงพ่อสงวน ท่านอาจจะเอาข้าวมาย้อมสีเหลืองก็ได้ อย่าคิดอกุศลไปขนาดนั้นเลยครับ ผมว่าท่านคงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกครับ เพราะผมบอกไปแล้วว่า หลวงพ่อสงวน ท่านมิได้ปริปากบอกเรื่องข้าวนี้แก่ใครเลย ดังนั้น ท่านคงไม่จำเป็นต้อง ย้อมสีข้าวให้เหลืองเพื่ออวดอ้างตัวเองหรอกครับ

ลองสังเกตุกันดูนะครับ เนื้อพระจะเป็นไปในลักษณะที่ผมว่า และ ยังหลงเหลือ ส่วนที่ยังบดไม่ละเอียดดี ปรากฏเป็นเนื้อสีเหลืองๆ เป็นหย่อมๆให้เห็นอยู่ทั่วไป
ขยายดูมวลสารพระองค์นี้กันชัดๆครับ

กลุ่มเนื้อข้าวที่บดไม่ละเอียด ปรากฏให้เห็นเป็นกลุ่มก้อนสีเหลืองชัดเจน

เม็ดข้าวสีเหลือง ที่ปรากฏ ในพระคำข้าว เนื้อละเอียดอีกองค์หนึ่ง

ส่วนเม็ดนี้ อยู่ในพระคำข้าว พิมพ์พระสมเด็จแหวกม่านยุคต้น จำกันได้หรือเปล่า

ดูกันชัดๆ อีกครั้ง เม็ดข้าวสีเหลือง ที่หลุดออกจากเนื้อพระองค์หนึ่ง ( องค์ไหน ผมอุบไว้ก่อนแล้วกัน จะเฉลยให้ฟังในตอนหน้า ) ลองสังเกตุลักษณะกันให้ดีนะครับ ลองนึกถึง เมล็ดข้าวทรงกระบอกตัดตามขวาง จะเห็นว่า ลักษณะ และ ขนาดนั้น เหมือนเมล็ดข้าวปกติเรานี่เอง หากแต่มีสีเหลือง...ใครนึกไม่ออก ลองเดินไปในครัว แล้วหยิบเมล็ดข้าวในหม้อหุงข้าวออกมาแล้วหักตามขวางดูนะครับ จะเห็นว่า เนื้อและลักษณะ รวมทั้งขนาด นั้นเหมือนกันทุกประการ ต่างกันที่สีสันเท่านั้น

จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด นี่ก็คือ หลักฐานที่ยืนยันอย่างเป็นรูปธรรม ถึงเรื่องราวที่กล่าวถึงข้าวที่หลวงพ่อสงวนท่านนำมาทำเนื้อพระ ว่ามีลักษณะอย่างไร ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้กันหรอกครับ มีแต่ตาขุนแผนน้อยนี่แหละ ที่ขยันคิด และ นำเรื่องราวแบบนี้มาฝากท่าน ในตอนหน้า เรามาต่อเรื่องราวของพระคำข้าวกันอีกทีแล้วกันนะครับ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่หลายๆคนไม่ทราบ เช่น หลวงพ่อสงวน ท่านไปได้ตำราสร้างพระคำข้าวมาจากไหน และ ท่านได้ข้าวนี้มาได้อย่างไร ตอนหน้า ผมจะพาไปสันนิษฐานกันตามแบบฉบับของ ขุนแผนน้อย ก็แล้วกัน และ อีกอย่างคือ ผมจะเปิดเผยให้ทราบว่า พระคำข้าว ที่สายตรงอยากได้กันนักหนา อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่ท่านคิด วันนี้ลาไปก่อน นอนหลับฝันดีครับทุกท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น