26 กรกฎาคม 2552

การดูพระหลวงพ่อสงวน ตอนที่ 23 : สมเด็จข้าวทิพย์ ตอนที่ 2

กลับมาพบกับ เรื่องราวของ สมเด็จข้าวทิพย์ หรือ พระคำข้าว หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ กันต่อนะครับ ในตอนแรกคงได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องราว ที่มาที่ไป และลักษณะ เม็ดข้าวสีเหลืองที่ปะปนอยู่ในเนื้อพระกันไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ผมขอเรียกสั้นๆว่า "ข้าวทิพย์" ก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องเรียกเยิ่นเย้อให้มากความ คราวก่อนผมติดไว้ว่า แล้วหลวงพ่อสงวน ท่านไปได้วิธีทำพระคำข้าว มาจากไหนกัน ?? เรื่องนี้ จริงๆไม่มีใครทราบเลย แม้แต่พี่เสี่ยเราเองก็จนปัญญา ส่วนผมเองคิดว่า ท่านน่าจะเรียนมาจาก หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เหตุใดผมถึงคิดเช่นนั้น ตามผมมาแล้วกันครับ

ครั้งหนึ่ง ผมเคยอ่านเจอกระทู้ในเวบบอร์ดแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องราวพระเกจิในสายสุพรรณ คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นคุณศักดิ์ สุพรรณ ที่บอกข้อมูลเพิ่มเติม ตอนหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า หลวงพ่อครื้น ท่านเคยส่งหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ไปขอวิสัย และ เรียนกรรมฐานกับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อยุ่หนึ่งพรรษา เสียดายที่ผมหาข้อมูลที่ว่า ไม่เจอเสียแล้ว ถ้าหากคุณศักดิ์ สุพรรณ ได้ผ่านมาเจอ ก็ขอความกรุณาความรู้เป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ เพราะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจทีเดียว

พระคำข้าว หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ สองพิมพ์ สามเนื้อ

Khunpannoi


ผมเองค่อนข้างจะเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องจริง เหตุผลก็เพราะ ต้นตำหรับในการทำพระคำข้าว ที่ผมเห็นก็มีแค่ หลวงปู่ปานองค์เดียว และ องค์ที่สืบทอดวิชาท่านมาทำต่อ ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ศิษย์เอกของหลวงปู่ปานนั่นเอง ซึ่งพระคำข้าวของท่าน ก็เป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหามากมาย ด้วยเจอประสบการณ์มานักต่อนัก นอกจากสององค์นี้แล้ว ผมเองก็ยังมองไม่เห็นว่า จะมีท่านองค์อื่นทำพระคำข้าวเลย จนมาเจอ พระคำข้าวของ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ นี่แหละ ซึ่งท่านก็เรียกพระของท่านว่า พระคำข้าว เช่นเดียวกันกับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษี ซึ่งถ้าไม่ใช่สายวิชานี้ ท่านก็น่าจะเรียกเป็นชื่ออื่น

อีกเหตุผลที่น่าเชื่อได้ว่า ท่านน่าจะเคยอยู่กับหลวงปู่ปานจริง ก็น่าจะเป็น เรื่องของการได้มาซึ่งข้าวทิพย์ ซึ่งจะมีอยู่ในหลักสูตรการธุดงค์แบบอุกกฤตตามแบบฉบับของหลวงปู่ปานท่าน ใครสนใจก็ลองไปหาหนังสือ " ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" ซึ่งเขียนโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาอ่านดูนะครับ บูชาได้เล่มละร้อยบาท ที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หรือ จะฝากผมซื้อให้ก็ยินดีครับ ทุกบาททุกสตางค์ท่านนำไปทำบุญในวิหาร และ ธรรมทานทั้งหมด หรือ จะใช้พี่กุ๊กเกิ้ลช่วยหาอ่านในเน็ตก็ตามแต่

ผมสรุปให้ฟังแค่คร่าวๆแล้วกันนะครับ การธุดงค์แบบอุกกฤต ในแบบของหลวงปู่ปานก็คือ การธุดงค์ที่มุ่งตรงเข้าป่าลึกไปเลย ไม่เจอบ้านคนตลอดทาง เรียกว่า บิณฑบาตรกินกับเทวดาอย่างเดียว บางทีก็นำบาตรไปแขวนไว้กับต้นไม้ บางทีก็จะมีชาวป่ามาใส่ถวายให้ ทั้งที่แถวนั้นไม่มีบ้านคนเลย แต่ข้าวที่ได้มาก็จะมีลักษณะเดียวกัน ก็คือ ข้าวเม็ดสีเหลืองๆ และ มีกลิ่นหอมนี่แหละ ลองหาอ่านกันดูแล้วกันนะครับ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเชื่อ เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ท่านเป็น "พระหมอ" ครับ พระหมอ ก็คือ พระที่ท่านเชี่ยวชาญในการรักษาคนไข้ ซึ่งป่วยต่างๆนาๆมา โดยใช้วิชาอาคม อภิญญาสมาบัติ สมุนไพร รวมทั้งสูตรยาโบราณต่างๆ ในการรักษา ซึ่งจะว่าไป ในสายครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่มีใครเป็น "พระหมอ" เลย พระหมอในสมัยนั้น ที่รู้จักกันดี ก็คือ หลวงปู่ปาน นี่แหละ อีกทั้งเรื่องอภิญญา สมาบัติของหลวงพ่อสงวน ซึ่งเราคงได้ประจักษ์กันมาแล้ว ในพระเครื่อง และ วัตถุมงคลของท่านทั้งหลาย ผมเองก็เคยสงสัยว่า ท่านไปเรียนมาจากใคร ตอนนี้ก็คิดว่า น่าจะได้คำตอบแล้ว อีกอย่างก็คือ มีหลักฐานหลายอย่าง ที่บ่งชี้ว่าท่านเกี่ยวข้องอยู่กับครูบาอาจารย์สายนี้ เดี๋ยวเรามาว่า กันตอนต่อไปแล้วกันนะครับ ตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ครับ

พระคำข้าว และ พระหางหมาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

Khunpannoi


จำไม่ได้ว่าภาพของใคร ขอยืมเป็นวิทยาทานแก่พี่ๆน้องๆหน่อยแล้วกันนะครับ ของตัวเองยังไม่มีเวลาถ่าย พระคำข้าวก็คือ พระแถวล่างองค์เหลืองๆนั่นแหละครับ

ในการทำพระคำข้าวนั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวไว้ว่า การสร้างยากมาก ก็คือ หากรับประทานข้าวคำไหน รู้สึกมีรสอร่อย จะต้องคายออกมา แล้วทำการเสกเก็บไว้ ต้องทำทุกวัน ขาดไม่ได้ จนครบ 3 เดือน แล้วจึงนำมาทำเป็นผงทำพระ พระคำข้าวนั้นจะหนักในทางลาภมาก และ เหตุนี้เอง ผมถึงไม่แปลกใจว่า เหตุใดพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ จึงมีประสบการณ์ในทางลาภมากเช่นกัน หลวงพ่อฤาษีฯ ได้เล่าความอัศจรรย์ของพระคำข้าว สมัยที่ท่าน ยังอยู่ กับหลวงพ่อปานไว้ดังนี้ครับ

Khunpannoi


"... เมื่อสมัยหลวงพ่อ(ปาน)ยังทรงชีวิตอยู่ ท่านทำพระไว้องค์หนึ่ง เสกข้าว ๓ เดือนนี่ปรากฏว่า คำไหนอร่อยมากคำนั้นไม่กินเอาออกเก็บ สำหรับที่ฉันนี่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คำแรก ยังไม่ต้องกิน กับข้าวที่ดีที่สุดผสมก่อน เสกเก็บนะ ก็ทำจริง ๆ ๔ เดือน ไปไหนก็ทำ หมายความว่าบังเอิญจะมาที่นี่ ก่อนจะกินก็ต้องทำเก็บไว้เหมือนกัน เพราะคำว่า ๓ เดือน ๓ เดือน นี่จะขาด สักวันหนึ่งไม่ได้เลย แล้วก็ผลจริง ๆ ที่เคยปรากฎนะ ที่หลวงพ่อปาน ท่านทำ ใช่ไหมทำแล้วก็ทำเป็นผงผสมไว้แล้วก็สร้างเป็นพระพุทธรูปไว้บูชาที่ พระสวดมนต์ เวลาหลวงพ่อท่านไม่อยู่คนไม่ค่อยเอากับข้าวไปให้กิน ฉันก็ไป บูชาพระองค์นั้น ขอหม้อใหญ่ ๆ มาเรื่อยนี่เป็นเรื่องจริง ๆ นะ มาอีกวันหนึ่ง เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก คือว่าหลวงพ่อ ไป เขาวงพระจันทร์ อีตาโปร่งแก เป็นเจ้าของโรงงานต่อเรือยนต์นะ แกก็นำแกงมา ๓ หม้อใหญ่ ใหญ่มาก ปรากฏพอมาถึงหน้าวัด ฉันบูชาตอนกลางคืนนี่นะ ฉันอดนะ กับข้าวไม่ค่อย มีกิน หลวงพ่อไม่อยู่เราก็อาศัยพระพุทธรูป ตาโปร่งมาถึงพอมาถึงจอด เรือ ปั๊บ ถามว่าหลวงพ่อ อยู่ไหม เขาบอกไม่อยู่ไปเขาวงพระจันทร์ แกถอยหลัง เรือออกเลยแหมหม้อต้มใหญ่ ๆ จะให้หลวงพ่อปานฉันองค์เดียว ใบจักรหัก มันไม่มีตอนะ ใบจักรหัก ฉันเลยหม่ำซะ ๓ หม้อเลย ใบจักรหักเรา ก็ไม่ช่วยต่อ เรื่องของแก พอหลวงพ่อปานกลับมา ตาโปร่งก็มา เล่าให้ฟัง บอกว่า ผมเอาอาหารมาถวาย นึกว่าหลวงพ่อยังอยู่ พอหลวงพ่อไม่อยู่ พระบอกว่า หลวงพ่อไม่อยู่ ผมเลยถอนหลังกลับเอาอาหารกลับบ้าน แต่ใบจักร ไม่รู้ฟันอะไรหัก หลวงพ่อปานบอกที่นั่นมันไม่มีตอ หน้าวัดไม่มีตอ แกก็ถามทำไมจึงหัก ท่านก็เลยบอกว่า แกคลายศัทธาใบจักรก็หัก ในเมื่อ มาถึงวัดแล้ว แกไปทำไมไอ้คนจะเป็นมหาเศรษฐี ถอยหลัง ไม่ต้องการ มหาเศรษฐีมีที่ไหน อ้อเทวดาช่วยนะ ช่วยใครรู้ไหม ช่วยฉัน โอ้โฮหม่ำซะ ไม่มี ดีใจกินแกงใบจักรหัก ... "

ผมเอง ตั้งแต่ได้บูชา พระคำข้าวหลวงพ่อฤาษีฯท่านมา ถึงวันนี้ก็เกือบๆยี่สิบปีแล้วครับ ชีวิตไม่เคยอับจนซึ่งเงินทองเลย ไม่ใช่ร่ำรวยครับ แต่มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เรียกว่า เหลือเฟือเลยก็ว่าได้ จนช่วงหนึ่งที่ท่านหายไป ช่วงนั้นก็ย่ำแย่ไปเหมือนกัน จนมาเจอ พระคำข้าวหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ นี่แหละ ที่พบว่า มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ได้ท่านมา ก็รู้สึก รายได้จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ และ น่าอัศจรรย์ก็คือ จู่ๆก็ได้ย้ายมาอยู่บริษัทหนึ่ง ซึ่งคนอยากเข้าเยอะมาก เพราะรายได้ดี ได้เห็นตัวเลขในสลิปถึงหกหลัก ก็ตั้งแต่ได้พระคำข้าว หลวงพ่อสงวนมานี่แหละ อ้าว ... บ่นไปบ่นมา หมดโควต้าซะแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่ถึงไหนเลย ตอนหน้ามาดู ข้าวทิพย์ ที่หลวงพ่อสงวนท่านตากแห้งไว้ใช้ผสมในมวลสารพระต่างๆกันนะครับ วันนี้ฝันดีครับทุกท่าน ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน