ในตอนที่ผ่านมา ผมได้เล่าเรื่องลักษณะของเม็ดข้าวสีเหลือง หรือ ข้าวทิพย์ ของหลวงพ่อสงวน กันแล้ว บางคนอาจจะยังคาใจว่า ก็ไม่เห็นจะมีแบบเต็มๆเม็ดให้ดูเลย จะให้เชื่อได้ไงว่า เป็นเม็ดข้าวจริงๆ วันนี้ก็เหมือนหลวงพ่อท่านเมตตาครับ เมื่อได้เจอกับ พระองค์สำคัญองค์หนึ่งของลุงสุด ก็แล้วกันนะครับ ได้ชมแล้ว ผมก็อึ้งเหมือนกัน ยังกับหลวงพ่อสงวน ท่านจะส่งจิ๊กซอมาให้อีกชิ้นหนึ่ง ที่มาช่วยทำให้เรื่องราวนั้นสมบูรณ์ขึ้น และ ไร้ซึ่งความกังขาใดๆ ไปชมพระองค์นี้กันครับ

นี่แหละครับ เม็ดข้าวเต็มๆเม็ด สีเหลืองอร่าม สวยงามจริงๆ สังเกตุกันดูนะครับ จะเห็นว่า เม็ดป้อมๆเล็กๆ หน้าตาไม่เหมือนข้าวที่เรากินกันทุกวันซักเท่าไหร่

ขยายดูเนื้อหากันหน่อย จะเห็นว่า เนื้อพระนั้น ก็คือ เนื้อพระสีแดง ยุควัดทุ่งแฝกนั่นเอง สีเม็ดข้าวสีเหลือง ที่ตัดกันกับเนื้อพระนั้น บ่งบอกชัดว่า สีเหลืองของข้าวนั้น มิได้เกิดจาก แปดเปื้อนสีจากเนื้อพระ แต่เป็นสีเหลืองแต่ดั้งเดิม

ภาพขยายด้านหลัง มวลสารตรงกลางนั้น เป็นพระเนื้อแดงชัดเจน และ สีข้าว ที่เห็นกันได้ชัดเจนว่า มีสีใด

ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญเลยครับ สำหรับพระองค์นี้ คงได้เห็นกันแล้วว่า เม็ดข้าว เม็ดเล็กๆป้อมๆสีเหลืองน้อยๆ ในตำนาน นั้นเป็นเช่นไร ใครที่ยังคาใจอีก ผมก็คงจนปัญญาที่จะหาหลักฐานมาแสดงให้ดูแล้วล่ะ ไปดูพระคำข้าว สุดสวยอีกองค์หนึ่งนะครับ

แค่เนื้อเห็นก็ซี๊ดแล้ว พลิกดูด้านหลังนี่สิซี๊ดอีกที รูปสีลงจารที่หายากของหลวงพ่อสงวน นั่นเองครับ

บางคนคงสงสัย เอ...วันนี้ทำไมแบล๊คกราวน์ของขุนแผนน้อย ดูแปลกๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะผมใช้สิ่งนี้รองตอนถ่ายภาพพระครับ
ตำรายา หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

คงจำกันได้นะครับ ในตอนก่อน ที่ผมเคยบอกไว้ว่า หลวงพ่อสงวน ท่านเป็น "พระหมอ" ท่านเมตตาช่วยรักษา ชาวบ้าน และ เด็กๆแถวๆนั้น เนื่องจาก สมัยก่อน โรงพยาบาลอยู่ไกลมาก ต้องเดินทางไปถึงสามชุก ทำให้ไม่สะดวกนัก ชาวบ้านก็ได้หลวงพ่อท่านนี่แหละช่วยตอนเจ็บป่วย ลองสังเกตุหน้าปก จะเห็นว่า เจ้าของสมุดเล่มนี้ ก็คือ ลุงสุด นั่นเองครับ หลวงพ่อเขียนคำอวยพรเอาไว้ด้านหน้าด้วย

และ เมื่อพลิกไปที่ปกหลัง ผมเองก็ขนลุกซู่ด้วยความตื้นตัน ระคนตกใจ เมื่อพบหลักฐานที่สำคัญมากๆ เกี่ยวกับการสร้างพระของหลวงพ่อสงวน ซึ่งแต่เดิม เราเข้าใจกันมาตลอดว่า ท่านใช้เพียงผงมหาราชพิศดาร และ ผงอิทธิเจ ในการทำพระของท่าน แต่ไม่ใช่เช่นนั้นซะแล้ว เมื่อพบว่า ยังมีผง และ อะไรอีกมากมายที่ท่านใส่ลงไปด้วย มิน่าเล่า พระหลวงพ่อสงวน ถึงได้แรงยิ่งนัก นี่คือ สิ่งที่ไม่เคยมีใครได้เห็นและเปิดเผยมาก่อนครับ

ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกผมว่า การลบผงแต่ละอย่างนั้น ทำได้ยากมากๆ และ ถือได้ว่า แต่ละอย่างนั้น สุดยอดจริงๆ วันหลัง คงจะต้องไปขอความรู้ท่านนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานกันหน่อยครับ เห็นแบบนี้ ผมก็ถึงบางอ้อ มิน่าเล่า ถึงมีแต่คนเห็น หลวงพ่อสงวน ท่านถึงทำการเขียนผงลบผงทั้งวัน ที่แท้มิได้มีแต่ผงอิทธิเจอย่างที่เข้าใจกันนี่เอง
ตอนก่อนคงจำกันได้ว่า ผมได้กล่าวไว้ว่า หลวงพ่อครื้น เคยส่ง หลวงพ่อสงวน ไปขอวิสัย และ เรียนกรรมฐานกับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่พอจะโยงใยความสัมพันธุ์นี้ได้ ก็คือ ลุงสุดเล่าว่า ช่วงที่หลวงพ่อสงวน ท่านบวชเป็นชีปะขาว อยู่ที่วัดห้วยสุวรรณารามนั้น หลวงพ่อสงวน ท่านได้เจอ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลายครั้ง เนื่องจาก หลวงพ่อจง ท่านแวะมาพักที่วัดห้วยฯนี้หลายวาระ และ อยู่คราวละหลายๆวัน หลักฐานจากแม่พิมพ์ยันต์หลวงพ่อจง ออกวัดห้วยฯ ที่หลวงพ่อสงวน ท่านเก็บไว้คงเป็นตัวบอกถึงความสัมพันธุ์อันนี้เป็นอย่างดี ว่าท่านเคารพครูบาอาจารย์แค่ไหน
ปกติ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลังจากร่ำเรียนกับท่านแล้ว ท่านมักส่งลูกศิษย์ไปเรียนต่อกับ หลวงพ่อจง หลวงพ่อโหน่ง และ หลวงพ่อเนียม ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน เรื่องนี้ ลองอ่านจากหนังสือ "ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" ที่ผมบอกไว้เมื่อตอนก่อนกันเองแล้วอันนะครับ ไม่ต้องห่วงครับ ครูบาอาจารย์สายนี้ไม่ว่าจะไปเจอองค์ไหนก่อน ท่านก็จะส่งไปเรียนวิชา กับองค์ที่เหลือจนครบ
วันนี้ลากันด้วย พรจากหลวงพ่อสงวน ที่ท่านเขียนไว้หน้าตำรายาของท่าน น้อมนำไปปฏิบัติเพื่อความเป็นสิริมงคลกันนะครับ

เลยยังไม่ถึง พระคำข้าว Transformer กันซักที ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ