
ด้านหลัง

เนื้อพระองค์นี้มวลสารจะมีลักษณะเดียวกับ พระสมเด็จแหวกม่านยุคต้น แต่จะต่างกันตรงเนื้อว่านสีเหลือง ทำให้พระองค์นี้สีแดงเข้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด

จุดตายที่สำคัญของพระเนื้อแบบนี้ที่แตกต่างจากเนื้อแบบอื่นๆ ก็คือ เนื้อว่านสบู่เลือดสีแดง ซึ่งจะปรากฏกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อพระ สังเกตุมวลสารหลักอีกอย่างก็คือ แร่สีขาวใส หรือ ขาวขุ่น ในภาพ ซึ่งก็คือ หินเขี้ยวหนุมานนั่นเอง

หินเขี้ยวหนุมาน เป็นรัตนชาติที่มีพลังอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวเอง เป็นพลังที่สั่งสมมาเป็นเวลาช้านาน และเป็นพลังที่ดี มีพุทธคุณในตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ปลุกเสก เป็นหินแห่งโชคลาภ เมตตามหานิยมและช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ทำให้เกิดความแคล้วคลาด มหาอุด ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ป้องกันภยันตราย ป้องกันสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล ช่วยเสริมส่งวาสนาบารมี นำโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง
คนสมัยก่อนนิยมนำหินเขี้ยวหนุมานพกติดตัวไว้ เพื่อกันคุณไสย เขี้ยวงาต่างๆ สามารถป้องกันปัญหา และขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้ออกจากร่างกาย อาคารบ้านเรือน และสถานที่ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถปรับสมดุลตามธรรมชาติของร่างกายได้และพลังที่เปล่งออกมาเป็นพลังที่มีแต่ความเยือกเย็น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าจากธรรมชาติอย่างแท้จริง รวมทั้งสามารถรับและดักเก็บพลังได้มาก เมื่อเทียบกับวัตถุอื่นๆ เช่น ทองคำ ตะกั่ว
นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่า ใครมีหินเขี้ยวหนุมานจะเป็นการเพิ่มพูนบารมีอำนาจวาสนา ให้กับตัวเอง และหากจะนำมาใช้ในทางปฏิบัติธรรม ก็จะช่วยทำให้จิตเป็นสมาธิได้เร็วขึ้น

แร่สะเก็ดดาวมีความสำคัญอย่างไร ลองไปดูได้ที่นี่นะครับ ผมคงไม่กล่าวซ้ำเพราะในเวบเค้าบอกไว้ชัดเจนแล้ว
http://www.esantektite.com/index.php?lang=th
http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=7&sid=012fb0c5d65603953c75132c03e209f7
สำหรับแร่สะเก็ดดาวคงไม่เกินไปกับคำกล่าวที่ว่า "เงินทองบ่เลี่ยง เสี่ยงภัยบ่มี ลาภยศศักดิ์ศรี บารมีกว้างไกล" จะเห็นว่า มวลสารแต่ละอย่างที่หลวงพ่อสงวนท่านนำมาใช้ทำพระนั้นไม่ธรรมดาเลย

มุมจากด้านล่างก็เช่นกัน

ลักษณะที่น่าสนใจอีกอย่างของพระองค์นี้ก็คือ มวลสารที่ลักษณะคล้ายเกสรดอกไม้สีเหลืองซึ่งปรากฏอยู่ทั่วๆไป ซึ่งคงจะเป็นเกสรดอกไม้ร้อยแปดที่ท่านนำมาทำเป็นมวลสารสำคัญอีกอย่างในการสร้างพระ

เนื้อเกสรดอกไม้ที่เห็นจะเป็นลักษณะเดียวกับที่พบในพระขุนแผนปลัดทวีเนื้อดินกรุองค์นี้ครับ

มวลสารต่างๆที่ผมได้กล่าวมา ใช้เป็นจุดสังเกตุพระหลวงพ่อสงวนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งมักจะปรากฏอยู่ทั่วๆไปในเนื้อพระสีแดง ปริมาณก็จะมากน้อย หรือ รายละเอียดปลีกย่อยอาจแตกต่างกันไป ไม่แน่ว่าจะเจอครบทั้งหมดในองค์เดียวกัน แต่หลักใหญ่ๆก็จะไม่นอกเหนือจากมวลสารที่ผมกล่าวไปแล้วทั้งหมด บทความนี้คงพอทำให้ท่านได้สังเกตุลักษณะ และ ความสำคัญของมวลสารต่างๆที่หลวงพ่อสงวนท่านนำมาใช้ทำพระได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนะครับ เคยได้ยินคนในวงการพระเครื่องเค้าบอกไว้ว่า เซียนพระเค้ามักไม่สอน หรือ บอกเคล็ดวิชาในการดูพระกัน เพราะกลัวคนอื่นจะเก่งกว่า ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเท็จจริงแค่ไหน แต่ไม่ต้องห่วงครับ สำหรับเวบบล๊อคแห่งนี้นั้น ขุนแผนน้อยจะบอกท่านแบบไม่อมภูมิ มือใหม่ก็จะได้แกร่งกล้ายิ่งขึ้น คนที่พอเป็นดูอยู่แล้วก็จะเก่งยิ่งๆขึ้นไป หรือ คนที่ดูเก่งอยู่แล้วก็จะขยับเป็นเซียนเหยียบเมฆได้ไม่ยาก เอาไว้ตอนหน้า เรามาพบกับพระเนื้อดำยอดนิยมยุคทุ่งแฝกกันนะครับ สวัสดีครับ
มวลสารแต่ละองค์ สุดยอดเลยครับ
ตอบลบเป็นกำลังใจให้ในการนำเสนอข้อมูลดีๆนะครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับกำลังใจ แบบนี้มีแรงเขียนอีกแยะ
ตอบลบตอนนี้
ตอบลบ