18 มกราคม 2552

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 12 ( พระเนื้อดำวัดทุ่งแฝก ตอนที่สอง)

กว่าจะกลับมาพบกันได้แต่ละทีนี่ ช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ ก็มาต่อกันเรื่องที่ค้างกันอยู่ ก็คือ ตัวอย่างพระเนื้อดำพิมพ์อื่นๆ กันต่อไปนะครับ แรกๆนั้น ผมเองไม่รู้จักพระหลวงพ่อสงวน ยุควัดทุ่งแฝกหรอกนะครับ และก็ไม่ได้สนใจศึกษาด้วย ตอนนั้น รู้จักแต่พระ และ ลูกอมยุควัดไผ่พันมืออย่างเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ได้รับพระยุคทุ่งแฝกองค์แรกในชีวิตมา ซึ่งเป็นพระที่แถมมากับลูกอม ฟังดูเหลือเชื่อมั้ยครับว่า พระทุ่งแฝกแต่ก่อนเป็นพระแถม เพราะคนไม่ค่อยรู้จักกัน และ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมประจักษ์ในพุทธคุณพระยุควัดทุ่งแฝกเป็นครั้งแรกในชีวิต จนถอนตัวไม่ขึ้นมาจนบัดนี้แหละครับ พระหลวงพ่อสงวนยุควัดทุ่งแฝก องค์แรกที่ผมได้มาก็คือ พระสมเด็จแหวกม่านเนื้อดำองค์นี้แหละครับ ขออภัยนะครับยังไม่ได้ถ่ายภาพท่านใหม่เลย

Photobucket


แรกๆผมได้มาก็เฉยๆครับ เพราะดูพระไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ตอนนั้นมีพระขุนแผนหลังจาร หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมืออยู่แล้ว เลยไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ลงอาราธนาท่านไปทำงานด้วย จำได้ว่า ใส่ท่านไว้ในซองพลาสติกกับประคำเนื้อดำ บังเอิญวันนั้น น้องที่บริษัทมีปัญหาเรื่องการขออนุมัติงบประมาณ ไม่กล้าเข้าไปขอ เพราะยอดสูงมาก เลยโดนเด้งออกมา ผมเลยหยิบซองพระกับลูกประคำซองนี้ใส่กระเป๋าเสื้อมันไว้ แล้วบอกให้ลองอีกครั้ง เหลือเชื่อครับ เข้าไปคราวนี้ มันหน้ายิ้มแป้นออกมา บอกว่า พี่หลวงพ่ออะไรน่ะ ขลังจัง ผู้จัดการแกเซ็นต์ให้เฉยเลย มันได้ใจ เลยขอไปอีกสามเรื่อง ซึ่งเงินเป็นหลักแสน แต่เหลือเชื่อว่า ปกติไม่มีทางผ่านได้แน่ แต่วันนั้น เรื่องมันผ่านถึงสามเรื่องรวด นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผม และ น้องคนนั้นประจักษ์ในพุทธคุณ พระและลูกประคำเนื้อดำ

นี่แหละครับ ลูกประคำเนื้อดำ หลวงพ่อสงวน ในท้องเรื่อง

Photobucket


วันต่อมาผมลองอาราธนาพระสมเด็จแหวกม่านเนื้อดำอีกองค์หนึ่งไปลองดู คราวนี้น้องผู้หญิงที่อยู๋คนละห้อง ซื้อโจ๊กมาฝาก ซึ่งปกติเขาไม่เคยซื้อมาเลย แถมมานั่งทำงานข้างๆผมทั้งวัน เอาเรื่องจริงๆพระพิมพ์นี้ นั่นเป็นครั้งแรกๆที่ได้ประจักษ์ครับ เลยทำให้ต้องตามเก็บพระยุคทุ่งแฝก ไม่ว่าพิมพ์ไหนเนื้อไหนผมเก็บดะ เรียกว่า บ้าอยู่คนเดียวครับช่วงนั้น เพราะยังไม่มีใครกล้าเล่นกัน ไปดูองค์ต่อไปกันครับ

พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆัง หลวงพ่อสงวน เนื้อดำ

Photobucket


องค์นี้คงคุ้นตากันดีนะครับ เพราะผมโชว์ไว้ด้านข้างๆนี้เอง พระองค์นี้ มีทองเปลวเสกเล็กๆติดมาที่ช่องแขนด้านซ้ายขององค์ท่าน ผมเองเคยอาราธนาท่าน แขวนเดี่ยว ไปลุยฮ่องกง กับ เซิ่นเจ้นมา ไปต่างประเทศไม่กล้าพกพระแยะครับ เพราะไม่คล่องตัว ก็เลยนิมนต์ท่านไปองค์เดียว ( เอาไปแยะ กลัวโดนศุลกาการเมืองจีนแกมั่วนิ่มยึดเอาน่ะ )

ด้านหลัง

Photobucket


ไปสี่วันทุกอย่างก็ราบรื่นดีมากครับ เกือบต้องไปเป็นเขยเซิ่นเจิ้นซะแล้ว วันกลับ กลับมาขึ้นเครื่องกันที่ฮ่องกง ซึ่งตอนไปก็โหลดของกันที่สถาณีรถไฟใต้ดินกลางเมือง หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปช๊อปกัน ผมเองไม่ใช่ขาช๊อปเลยได้เสื้อผ้ามาไม่กี่ตัว แต่ไอ้น้องตัวแสบคนเดิมนั่นสิครับ ไปขนของใช้มาเพียบ จนมันเครียดว่า เค้าจะยอมให้โหลดเพิ่มหรือเปล่า คำนวณค่าระวางเพิ่มแล้วก็เอาเรื่องเหมือนกัน เพราะเฉพาะกะเป๋ามันที่โหลดตอนแรกก็แทบเกิน 20 กิโลเข้าไปแล้ว นี่มีเหล็กขาตั้งยาวๆที่มันซื้อมาอีกสองชิ้น เค้าไม่ให้โหลดแน่ๆ หลังจากมันปรึกษาความเครียดกับชาวคณะซักพัก ไม่มีทางออก มันก็หันมาทางผม เอาอีกแล้ว...” พี่แขวนพระหลวงพ่อสงวนมาหรือเปล่า” มันไม่พูดเปล่าสิ แหวกคอเสื้อผม จับพระมาดู พอพลิกเห็นรูปหลวงพ่อท่าน มันถือวิสาสะ ดึงสร้อยออกจากหัวผม ไปสวมคอมันทันที แล้วก็เดินเอาของพะรุงพะรัง เดินไปโหลดของ แปลกแฮะ เค้ายอมให้มันโหลด ทั้งๆที่ผมเห็นกะตาว่า ของๆมันร่วมๆร้อยโลแน่ๆ แถมเค้ายังใจดี หาลังใส่ให้มันเสร็จสรรพ อะไรจะราบรื่นปานนั้น เช่นเคย มันเดินยิ้มแป้นออกมา ยกมือท่วมหัว ว่า หลวงพ่อสงวนท่านแน่จริงๆ เอ่ยปากขอเช่าจากผมตรงๆเลยว่า “ พี่ ผมให้สองหมื่น พอมั้ยสำหรับพระองค์นี้ “ เล่นเอาผมเสียววาบ เฮ้ย กูไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเฟร้ย พระพิมพ์อย่างองค์นี้ เนื้อแบบนี้ ตั้งแต่เล่นมากูก็เห็นมีองค์เดียว หายาก ไม่ปล่อยเด็ดขาด..” .มันก็ตื้ออยู่นั่นแหละ แถมขู่อีก “ เลือกเอานะพี่ พี่จะเอาเงิน หรือ เสียพระไปฟรีๆ “ ...เล่นเอาผมเครียด “ พระอยู่กับผมก็ต้องเป็นพระผมสิพี่ พระของพี่ก็ต้องอยู่กับพี่สิ “ ...เชื่อมันเลย และ เมื่อผมยืนยันว่า ยังไงก็ไม่ปล่อยแน่ๆ มันก็ยึดไปหน้าตาเฉย จนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย หลังจากนั้นอีกประมาณเกือบสองเดือนครับ ผมถึงได้คืน ต้องทวงมันทุกวัน มันก็จะยัดเงินให้ผมท่าเดียว จนมันเห็นว่า ยังไงผมก็ไม่ปล่อยแน่ๆ มันเลยยอมคืนให้...( ครับ คงไม่ต้องเดา หลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยแขวนพระองค์นี้ไปที่ทำงานอีกเลย ) ... แต่มันก็มีข้อแลกเปลี่ยนว่า ผมต้องหาพระองค์อื่นมาให้มัน ผมก็เลยหาพระขุนแผนปลัดทวี ยุควัดไผ่พันมือให้มันไป และ มันก็เอาพระนี้ไปก่อเรื่องต้องห้ามอีกจนได้ ทั้งที่ผมห้ามไว้นักหนา...( ไม่ขอเล่าแล้วกันครับ เพราะเหมือนชี้โพรงให้กระรอก ) จนต้องขอพระคืน แต่จนบัดนี้มันก็ยังไม่คืนเลยครับ ใครคิดว่า พระขุนแผนปลัดทวีไม่แรง คิดใหม่นะครับ องค์ไม่ค่อยสวยด้วย ขอเตือนคนที่คิดจะใช้พระหลวงพ่อสงวนในเรื่องผิดศีลผิดธรรมนะครับ ว่าหลวงพ่อท่านแช่งไว้แรงมาก อย่าแม้แต่จะคิดครับ เพราะน้องคนนี้เอาไปทำ เขาก็ประสบกับเคราะห์กรรมกับชีวิต จนบัดนี้ยังแก้ไม่ตกเลยครับ


พระพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโย หลวงพ่อสงวน เนื้อดำ

Photobucket

ด้านหลัง แร่สะเก็ดดาวเต็มไปหมดครับ

Photobucket

องค์นี้ปีกลายผมเคยใส่ไปเที่ยวงานวันเด็กที่ดอนเมือง แขวนเดี่ยวองค์นี้ไปครับ เดินไปเดินมา คลำดูอีกที เหลือแต่สร้อย องค์พระหล่นหายไปซะแล้ว คนก็เยอะ เดินหาจนทั่ว ก็ไร้วี่แวว ใจเสียเลยครับ เสียดาย...แต่คิดในด้านดีว่า เออ..ถ้าเป็นพระเราจริงๆ ก็คงได้คืน หลังอ่อนใจ ขึ้นรถจะกลับบ้าน พบว่า ท่านหล่นอยู่ข้างๆเบาะคนขับนี่เอง เฮ้ย...จำได้ว่า ตอนลงไปไปด้วยกันนี่นา มาได้ไง

พระสมเด็จสามชั้นหูบายศรี หลวงพ่อสงวน เนื้อดำ

Photobucket

องค์นี้เนื้อดำดูง่าย ด้านหลังฝังแร่สะเก็ดดาวชิ้นมหึมามาด้วย

khunpannoi


องค์นี้ยังไม่เคยลองครับ แต่พระมีออฟชั่นอย่างฝังแร่สะเก็ดดาวมาด้วย แถมเนื้อดำอีก คงไม่ธรรมดาหรอก

พระสมเด็จสามชั้น เนื้อดำ

Photobucket

ด้านหลัง

Photobucket


ประสบการณ์กับพระเนื้อดำหลวงพ่อสงวน เล่ากันสามวันสามคืนก็ไม่จบครับ กลัวจะเหนื่อยอ่านกันเสียก่อน ก็คงขอจบเรื่องพระเนื้อดำแต่เพียงเท่านี้ ตอนหน้าไปดูเรื่องพระเนื้อน้ำตาล ซึ่งมีประสบการณ์จากผู้ที่ได้ใช้ เสียงร่ำลือไม่ต่างกันกับพระเนื้อดำเท่าไหร่เลย ไว้พบกันนะครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน