24 มกราคม 2554

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 6

เราก็ยังอยู่กับพระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือเนื้อดินผสมผงนะครับ วันนี้ผมจะนำพิมพ์ที่พบมากในกรุอีกพิมพ์หนึ่ง ซึ่งก็คือ พระขุนแผนไข่ผ่านั่นเอง สำหรับเนื้อหาของพระขุนแผนไข่ผ่านั้น ก็เป็นเนื้อหาเดียวกับพระเนื้อดินผสมผงพิมพ์อื่นๆในกรุนั่นเอง

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ขุนแผนไข่ผ่า

Photobucket

อย่างที่ผมบอกว่า เนื้อหากับคราบกรุก็เหมือนพระในกรุหลวงพ่อสงวนพิมพ์อื่นๆที่กล่าวมาแล้วนะครับ

Photobucket

ขยายให้เห็นเนื้อหากันหน่อยนะครับ เป็นลักษณะของพระเนื้อผงผสมดินอย่างชัดเจน มีแร่สะเก็ดดาวกระจายให้เห็นอยู่ประปราย

Photobucket

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ขุนแผนไข่ผ่า

Photobucket

นี่ก็เป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่เจอในกรุครับ ลักษณะเนื้อหายังคงเหมือนกับพิมพ์อื่น แต่องค์นี้พิเศษตรงที่ มีคราบรากรุ สีดำ ปกคลุมโดยทั่วไป ซึ่งคราบราเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระที่บรรจุไว้ในกรุเท่านั้น ในสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป ยากที่คราบราเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเองได้ ลองสังเกตุจากภาพขยายนะครับ

Photobucket

ลองเปรียบเทียบกับพระนอกกรุดูอีกซักพิมพ์นะครับ

Photobucket

จะสังเกตุได้ไม่ยากว่า พระขุนแผนไข่ผ่าทั้งสององค์ มาจากแม่พิมพ์บล็อคเดียวกัน

Photobucket


องค์ด้านซ้ายนั้น เนื่องจากมีเนื้อผงที่มากกว่า ทำให้สังเกตุได้ไม่ยากว่าเป็นพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เนื้อใกล้เคียงกับเนื้อพระปกติโดยทั่วไป เดี๋ยวพระขุนแผนไข่ผ่าพิมพ์นี้ ผมจะมาเจาะลึกให้ดูอีกทีแล้วกันนะครับ วันนี้สั้นๆนะครับ ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของพระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ แล้วมาติดตามกันนะครับ สวัสดีครับ

23 มกราคม 2554

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 5

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ต่อไปนั้น จะเป็นพระเนื้อดินผสมผง ซึ่งเป็นเนื้อที่มีบรรจุอยู่ในกรุมากที่สุด พระเนื้อแบบนี้ที่อยู่ในกรุจะประกอบด้วย พระขุนแผนห้าเหลี่ยมอกใหญ่ล้อพิมพ์พระขุนแผนวัดบ้านกร่าง พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ พระทุ่งเศรษฐี พระสมเด็จสามชั้น เป็นต้น ซึ่งพระเนื้อแบบนี้ ลุงสุดเล่าว่า หลวงพ่อสงวนท่านมักสร้าง แล้วโยนลงสระน้ำภายในวัดอยู่บ่อยๆ ตอนหลัง เวลามีการขุดลอกสระน้ำโดยรถแบล็คโฮ ลุงสุดก็จะไปเดินหาอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่พบ เข้าใจว่า อาจจะสลายไปแล้วก็ได้ เนื่องจากเป็นพระในยุคต้น ซึ่งกินระยะเวลามานาน สำหรับเนื้อดินที่ใช้ทำนั้น หลวงพ่อสงวน ท่านจะไปนำดินมาจากเมืองกาญจนบุรี และ ท่านเองจะเดินหาดินสีอรุณแถวๆนั้น ที่ชาวบ้านชอบเรียกว่า ดินขุยปู แล้วก็ขุดมาไว้ผสมเป็นเนื้อพระ และ แน่นอนว่าพระเนื้อแบบนี้จะมีมวลสารของพระขุนแผนพิมพ์วัดบ้านกร่างผสมลงไปด้วย เนื้อแบบนี้ถึงแม้อาจจะดูยากกว่าเนื้อโดยปกติทั่วไป แต่อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ในเรื่องพระเนื้อดินผสมผง ว่าลักษณะของเนื้อดินผสมผงนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งจะสังเกตุกันได้ไม่ยาก เดี๋ยวไปดูตัวอย่างองค์แรกกันเลยครับ

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ขุนแผนห้าเหลี่ยมอกใหญ่ เนื้อดินผสมผง

Photobucket

โปรดสังเกตุว่า พระเนื้อดินผสมผงนั้น เนื้อจะออกสีชมพูนะครับ ลักษณะจะกึ่งดินกึ่งผง ลองนึกถึงเนื้อดินแดงๆเมื่อมาเจอผงสีขาว ก็จะกลายเป็นสีชมพูตามหลักการผสมสีนั่นแหละ

Photobucket

เจอองค์แรกก็เป็นยาขมหม้อใหญ่สำหรับมือใหม่ และ หลายๆคน เดี๋ยวเรามาดูพระขุนแผนอีกองค์ซึ่งเนื้อดูง่ายขึ้นมาหน่อยแล้วกันนะครับ

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ห้าเหลี่ยมอกใหญ่ เนื้อดินผสมผง

Photobucket

เนื้อของพระองค์นี้จะเห็นแร่สะเก็ดดาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระหลวงพ่อสงวนเป็นจำนวนมากกระจายอยุ่ทั่วไป และ แน่นอนครับ เนื้อแบบนี้ทั่วทั้งองค์จะเห็นมวลสารของพระกรุวัดบ้านกร่างปะปนอยู่ด้วย

Photobucket

ขยายดูเนื้อกันชัดๆนะครับ ถ้าลองจินตนาการเปลี่ยนเนื้อดินเป็นเนื้อผงสีขาวแทนแล้ว นี่ก็คือ เนื้อพระหลวงพ่อสงวน ยุควัดไผ่พันมือที่ดูไม่ยากนัก สังเกตุกันง่ายๆจากมวลสารแร่สะเก็ดดาวเม็ดสีดำเล็กๆที่กระจายอยู่ทั่วๆไป

Photobucket

เมื่อเปรียบเทียบกับพระนอกกรุอย่างพระขุนแผนปลัดทวี เนื้อดินผสมผง ของหลวงพ่อสงวน จะพบว่า มีเนื้อหาแบบเดียวกัน

Photobucket

ด้านหลัง จะเห็นว่าเหมือนกันมาก ยิ่งเป็นตัวบ่งบอกโดยมิต้องสงสัยกันเลยครับ

Photobucket

คราวนี้ก็ลองย้อนกลับไปที่พระขุนแผนองค์แรกนะครับ พระขุนแผนกรุหลวงพ่อสงวนนี้ มาจากแม่พิมพ์บล็อคเดียวกันทั้งหมดครับ

Photobucket

ด้านหลัง

Photobucket

ลองขยายดูองค์เนื้อสีชมพูนะครับ จะเห็นลักษณะของ เนื้อดินผสมผง หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ชัดเจน และ จะสังเกตุแร่สะเก็ดดาวที่กระจายอยู่ทั่วๆไป เพียบแต่จะปริมาณไม่มากเท่าองค์ตรงกลาง

Photobucket

อีกมุมครับ กลิ่นอายและลักษณะเอกลักษณ์ของพระเนื้อแดงจะปรากฏให้เห็นอยู่

Photobucket

ลักษณะเนื้อหานั้น เมื่อเปรียบเทียบดูพบว่า ก็จะเหมือนกันกับพระขุนแผนทรงพล ของหลวงพ่อสงวน ยุควัดทุ่งแฝก องค์นี้แหละครับ

Photobucket


หากใครยังสงสัยประการใด ก็ลองไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระเนื้อดินผสมผงได้ที่นี่นะครับ ผมคงไม่กล่าวซ้ำอีก

http://watpaipunmue.blogspot.com/2008/12/1.html

คงพอจะเห็นกันแล้วนะครับว่า พระในกรุทุกเนื้อทุกพิมพ์นั้นเป็นพระที่หลวงพ่อสงวนท่านทำนี่เอง ไม่ใช่เป็นพระยัดกรุมาจากที่ไหน ถึงแม้พิมพ์จะแปลกไม่ค่อยคุ้นตาบ้าง แต่เนื้อหาก็บ่งบอกชัดเจน ก็คงไม่ลืมนะครับว่า พิมพ์พระหลวงพ่อสงวนที่เราไม่เคยเห็นนั้นยังมีอีกมากมาย เพราะท่านสร้างพระไว้เยอะมาก ที่เราจะใช้แยกแยะได้ก็คือ เนื้อพระซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของท่านครับ ตอนหน้าเราจะไปดูพระเนื้อดินผสมผงพิมพ์ถัดไป ก็คือพระขุนแผนไข่ผ่า ซึ่งเนื้อหาก็เป็นเนื้อแบบเดียวกันกับพระขุนแผนพิมพ์ห้าเหลี่ยมอกใหญ่ เนื้อดินผสมผงสีชมพูนั่นเอง แล้วกลับมาพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ







พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 4

สำหรับพระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์ที่สี่ที่ผมจะนำมาให้ชมในวันนี้ เป็นพระพิมพ์สมเด็จสามชั้นหูบายศรี เนื้อดำ ซึ่งลุงสุดนั้น ได้บอกไว้ว่า พระหลวงพ่อสงวนที่มีสีดำทุกองค์นั้น จะมีส่วนผสมของผงใบลานอยู่ ทำให้เนื้อพระมีสีออกโทนดำ มิใช่ท่านจะใส่สีดำลงไปในเนื้อพระ ซึ่งกล่าวกันว่า คนที่จะทำการเผาใบลานได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาแก่กล้า มิเช่นนั้นแล้ว อาจเสียสติ เป็นบ้าไปได้ เพราะคัมภีร์ใบลานนั้น เป็นที่ทราบกันดีกว่า ได้จารึกอักขระบาลี บรรจุพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า( การจารนั้นต้องใช้เหล็กเผาไฟเท่านั้น ผู้จารต้องมีสมาธิ และ ความอดทนสูงมากๆ ) จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง และ เชื่อว่าหากพระใดมีผงใบลานผสมอยู่ พระองค์นั้นก็จะมีพุทธคุณที่เข้มขลังมาก สำหรับคำกล่าวนี้คงมิได้กล่าวเกินจริง เพราะพุทธคุณของพระเนื้อดำของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าโดดเด่นกว่าพระเนื้ออื่นๆ เป็นที่ประจักษ์ของผู้ที่ใช้โดยทั่วไป

พระสมเด็จสามชั้นหูบายศรี กรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Photobucket

Photobucket

ขยายดูเนื้อหากันหน่อยนะครับ ดูกันง่ายๆสบายตา ว่าเป็นพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือแท้ร้อยเปอร์เซนต์

Photobucket

เนื้อพระนั้นเป็นแบบเดียวกับพระเนื้อดำหรือน้ำตาลยุควัดทุ่งแฝกนั้นเอง ดูกันไม่ยากครับ เพราะเอกลักษณ์ของพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือครบครัน

Photobucket

ถ้ายังกลัวว่าผมจะโมเม ก็ต้องไปเทียบกับพระนอกกรุกันหน่อยครับ สำหรับองค์ที่จะนำมาเปรียบเทียบนั้น เป็นพระสมเด็จสามชั้นหูบายศรี เนื้อแก่ผงปูนแบบเดียวกับพิมพ์พระครูละมูล เจ้าของเดิมคือ เสี่ยไร่อ้อย นั่นเอง

Photobucket

จะสังเกตุได้ไม่ยากว่า แม้จะต่างกันที่เนื้อหา แต่พิมพ์พระนั้นมาจากแม่พิมพ์บล๊อคเดียวกันแบบเป๊ะๆ ความคมชัดและความเก่าขององค์พระนั้น บ่งบอกว่านี่มิใช่พระถอดพิมพ์แล้วมาสร้างใหม่แน่นอน

Photobucket

ขยายให้ดูลักษณะพระเนื้อผงแบบแก่ปูนแบบแท้ดูง่ายสบายตา แม้มิได้ติดรูปถ่ายหลวงพ่อสงวนใดๆมาเลยก็ตาม เนื้อแบบนี้จำกันไว้ให้ดีๆนะครับ นี่แหละคือพระเนื้อยุคต้นๆของวัดไผ่อีกเนื้อหนึ่ง ซึ่งจะแตกต่างจากพระในยุคปลายวัดไผ่พันมือตรงที่ จะมีส่วนผสมของผงน้ำมันและปูนขาวมากจนดูเนื้อเป็นมันวาว และ เนื้อจะแข็งมากกว่าเนื้อในยุคปลายวัดไผ่พันมือ แต่เอกลักษณ์สำคัญอย่างแร่สะเก็ดดาว รวมทั้งมวลสารอย่างอื่นยังมีให้เห็นอยู่ครบ

Photobucket


เป็นไงกันบ้างครับ ผ่านไปแล้วสามพิมพ์ ถึงตอนนี้ก็คงจะหายสงสัยกันไปแล้วว่า พระที่บรรจุอยู่ในกรุอุโบสถเก่าวัดไผ่พันมือนั้น ทั้งจากหลักฐานพยานบุคคล รวมทั้งพิมพ์พระและเนื้อหาล้วนบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นพระแท้ของหลวงพ่อสงวนท่านสร้างและบรรจุไว้เอง มิใช่ใครจะอุตริเอาพระเก๊ที่ไหนมายัดกรุไว้ ใช้วิจารณญาณกันเองแล้วกันนะครับ คงไม่ยากเกินไปนักที่จะวิเคราะห์ว่าความจริงควรเป็นเช่นไร ในสามพิมพ์นี้ยังอยู่ในส่วนของพระเนื้อผงของหลวงพ่อสงวน ซึ่งดูไม่ยากนัก ตอนหน้า ผมจะพาไปเจาะลึก พระเนื้อที่มีมากที่สุดในกรุ ก็คือ เนื้อดินผสมผง ซึ่งดูยากขึ้นไปอีก บางท่านที่ประสบการณ์ยังไม่มาก เพิ่งเล่นหาไม่นาน อาจจะคิดว่า หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ มีแต่พระเนื้อผงเท่านั้น แต่สำหรับแฟนพันแท้บล๊อคนี้ หากติดตามอ่านมาตั้งแต่ตอนต้นๆ คงจะทราบกันดีแล้วว่า พระหลวงพ่อสงวนนั้น มิได้มีแต่พระเนื้อผงเท่านั้น หากแต่มีเนื้ออื่นอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งผมเองก็คงมิได้สามารถรวบรวมมาเขียนให้ท่านทราบได้ทั้งหมด ส่วนพระกรุตอนหน้าจะเป็นพิมพ์ไหน เนื้อหาจริงแท้เป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาติดตามกันครับ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ

22 มกราคม 2554

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 3

องค์ต่อไป เป็นพิมพ์พระ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ที่ค่อนข้างจะคุ้นตากันอยู่ ก็คือ พิมพ์พระครูละมูลนั่นเองครับ พิมพ์นี้มีทั้งแบบบรรจุกรุ และ ไม่บรรจุกรุ แบบบรรจุกรุนั้น เท่าที่ผมดูน่าจะมีมากกว่าพิมพ์อื่นๆ เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันดีกว่าครับ

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์พระครูละมูล

Photobucket

จะสังเกตุได้ว่า องค์พระนั้นมีความเก่าอยู่ค่อนข้างมาก และ เนื้อพระยังคงมีกลิ่นอายของพระเนื้อขาวในยุควัดทุ่งแฝกอยู่บ้าง ด้านหลังนั้นปรากฏคราบกรุกระจายไปทั่วองค์พระ นี่ย่อมมิใช่พระใหม่ที่ใครจะนำไปแกล้งบรรจุไว้ แล้วโมเมว่าเป็นพระกรุอย่างแน่นอน

Photobucket


ขยายให้ดูกันชัดๆแล้วกันนะครับ คราบกรุที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ ต้องใช้ระยะเวลานานในการเกิด มิใช่ฝีมือใครจะไปสร้างขึ้นได้ พระพิมพ์นี้ ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ในตลาดพระก็เล่นหากันเป็นพันแล้ว หากใครเอาอุตริไปฝังซะหลายปี แล้วออกมาให้บูชาแค่ห้าร้อยบาทอย่างทางวัด ผมว่าเค้าคงต้องสติไม่ดีแน่ๆ แล้วใครจะไปเสียเวลาทำแบบนั้นล่ะครับ ที่สำคัญก็คือ คราบกรุเหล่านี้มันเกิดไม่ได้ภายในปีสองปีหรอกครับ

Photobucket

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์พระครูละมูล

Photobucket

Photobucket

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ พิมพ์พระครูละมูล


Photobucket

สำหรับองค์นี้ไม่ได้อยู่ในกรุนะครับ เป็นพิมพ์นอกกรุ แต่เจ้าของเก็บไว้ไม่ได้ดูแลทำให้ปลวกขึ้น ถึงกระนั้นก็ตาม คราบนี้ก็ติดพระแน่น อันเป็นสิ่งบ่งบอกว่า กินระยะเวลามานานเหมือนกัน หากดูเผินๆจะดูคล้ายพระกรุหลวงพ่อสงวน แต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะพบว่า คราบกรุนั้นไม่เหมือนกัน แม้เนื้อหานั้นจะเป็นแบบเดียวกับพระกรุ แต่เนื่องจากพระนอกกรุองค์นี้มิได้เผชิญความชื้น ความร้อน รวมทั้งสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยแบบพระกรุ ดังนั้นเนื้อหาจึงยังดูสดใหม่กว่าพระกรุมาก

Photobucket

สำหรับองค์นี้ยังมองเห็นเนื้อหาค่อนข้างชัดเจน ทำให้สังเกตุได้ง่ายว่าเป็นลักษณะของพระยุคต้นวัดไผ่พันมือเนื้อแก่ปูนนั่นเอง ลองเปรียบเทียบความเก่าของเนื้อพระกับพระกรุดูนะครับว่าแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นพระในยุคเดียวกันก็ตาม

Photobucket


ผ่านไปเป็นพิมพ์ที่สองแล้วนะครับ สำหรับ พระกรุของ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ คงจะพอสังเกตุกันได้แล้วนะครับว่า พระที่ท่านบรรจุกรุไว้นั้น ก็มิใช่พิมพ์จะหลุดโลก หรือ แปลกไปจากพระที่ท่านสร้างแจกโดยปกติทั่วไปซะทั้งหมด แค่สองพิมพ์ที่ผ่านไป ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีนั้นคงเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า พระที่บรรจุอยู่ในกรุนั้น จะเป็นของใครอื่นไปมิได้ นอกจาก หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ เท่านั้น ในตอนหน้า เราจะมาดูพระเนื้อดินผสมผงกันนะครับ วันนี้สั้นๆพอหอมปากหอมคอ สวัสดีครับ

21 มกราคม 2554

พระกรุหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 2

เรื่องพระกรุนี้ สอบถามจากพระอาจารย์ชัย ท่านได้เล่าว่า ทีแรกนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าจะมีพระกรุอยู่ใต้ฐานพระหลวงพ่อดำ แต่เป็นเพราะทางช่างที่ทำการรื้ออุโบสถนั้น สังเกตุถึงความผิดปกติถึงแผ่นซีเมนต์ใต้ฐานพระ ซึ่งน่าจะมีโพรงอยู่ จึงได้แจ้งกับอาจารย์ชัยว่า น่าจะมีกรุพระอยู่ในนี้ ทางพระอาจารย์ชัยจึงได้นัดคณะกรรมการพระ ทำการเปิดกรุพระขึ้นมา ก็พบว่า มีพระของหลวงพ่อสงวนบรรจุอยู่ในนั้นจริงๆ และ ทางพระอาจารย์ชัยก็ได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการของวัดรับไปดูแล และ เปิดให้บูชาที่บ้านของลุงสุด ตัวท่านเองนั้นมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องพระ ล้วนอยู่ในการดูแลของคณะกรรมการวัดตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นหากใครก็ตามไปกล่าวหาท่านว่า ท่านกุข่าวพระขึ้นมา ก็ออกจะบาปกรรมไปหน่อยนะครับ เรื่องนี้เข้าไปถามตัวท่านเองดีกว่านะครับ ก่อนจะตกเป็นเหยื่อใคร

ก็มาพิสูจน์กันนะครับว่า พระกรุหลวงพ่อสงวนนั้นเป็น "พระกุ" อย่างที่คนบางกลุ่มเขากล่าวหา โดยที่มิได้มีใครที่อยู่ในเหตุการณ์เลย แต่กลับมาสรุปเอาแบบคิดเองเออเอง ผมว่าก็ไม่เป็นธรรมกับทางวัดนะครับ และที่สำคัญ "บาปกรรม" นรกจะกินหัวเอานะครับท่านๆ อีกเรื่องที่มีการพูดถึงกันคือ ถ้าเป็นพระกรุจริง เหตุใดถึงไม่มีพระพิมพ์ที่คุ้นตาหรือ พระพิมพ์นิยม ของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ บรรจุอยู่ด้วย ผมขอเรียนว่า จากการสอบถามทราบว่า ช่วงเวลาที่มีการบรรจุพระกรุนั้น เป็นช่วงที่ท่านมาอยู่วัดไผ่พันมือใหม่ๆ และ ได้ทำการบูรณะอุโบสถ และ สร้างแท่นพระเพื่อประดิษฐ์สถานหลวงพ่อดำ ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า พระที่บรรจุกรุนั้น หากเป็นพระผงก็คงจะแตกหักไม่คงทนอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระกรุโดยทั่วๆไปจะเป็นพระเนื้อดิน หรือ เนื้อที่มีความแกร่ง เพื่อให้คงทนกับความร้อน ความชื้น ภายในกรุ ที่องค์พระต้องเผชิญ

หลายๆอาจารย์เอง ท่านก็ล้วนทำพิมพ์พระต่างหากเพื่อบรรจุกรุ โดยพิมพ์และเนื้อ มิได้เหมือนพระที่ท่านให้บูชาโดยทั่วๆไปเลย ซึ่งก็คงไม่แตกต่างจากพระของหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือหรอกครับ ว่าทำไมเนื้อหาและพิมพ์ถึงได้แตกต่างจากปกติ จาการสังเกตุของผมพบว่า พระกรุที่หลวงพ่อสงวน ท่านได้บรรจุไว้นั้น ล้วนเป็นพระในยุคต้นๆของ วัดไผ่พันมือทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าถึงช่วงเวลาที่ท่านทำแท่นพระขึ้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจครับ ว่าทำไมเราไม่เจอพระแหวกม่านบ้างเลย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระแหวกม่านยุควัดไผ่พันมือนั้น ถือ กำเนิดในช่วงเวลาถัดมา คือ ในยุคกลางๆของวัดไผ่พันมือ พระแหวกม่านจึงไม่มีบรรจุไว้ในกรุอย่างแน่นอน แต่คำว่า พิมพ์นิยม ผมเองก็ไม่ทราบว่า ใครให้คำจำกัดความ เพราะมาเล่นหากันในยุคหลังนี่เอง และ หลวงพ่อสงวน ท่านก็ทำพระแจกฟรี ไม่ได้มีราคาค่างวดอย่างปัจจุบัน ดังนั้น ยุคนั้นจึงไม่มีพิมพ์นิยม ไม่นิยมหรอกนะครับ ด้วยเหตุนี้ การไม่มีพระแหวกม่านจึงไม่ใช่เหตุผลที่ใครจะยกมาอ้างว่า กระกรุเป็นพระเก๊หรอกนะครับ

ผมเองในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ทางวัดเปิดให้บูชาพระที่บ้านลุงสุดด้วย ก็ขออนุญาติพาทุกๆท่านไปพิสูจน์กันหน่อยแล้วกันว่า พระที่บรรจุกรุไว้นั้น จริงๆแล้วเป็นพระที่ใครเอาไปยัด หรือ หลวงพ่อสงวนสร้างไว้กันแน่ ผมเองเคยบอกเสมอว่า พระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือนั้น ถึงแม้ พิมพ์พระจะแตกต่างไป แต่เนื้อหาไม่ใช่ว่าจะหลุดโลกแบบฟ้ากับเหวหรอกครับ ทุกสิ่งล้วนพิสูจน์ได้เสมอ ไปดูองค์แรกกันเลยครับ

พระเอกของกรุนั้นคงต้องยกให้ พระพิมพ์นี้ครับ พระขุนแผน พิมพ์ปลัดทวี ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุควัดทุ่งแฝก หากใครจะยังบอกว่า พิมพ์นี้ไม่คุ้นตา ผมว่า ท่านคงต้องไปศึกษาหาความรู้เยอะๆหน่อยนะครับ พระพิมพ์นี้บรรจุไว้ในกาน้ำชา เข้าใจว่า เป็นเพราะเนื้อพระเปราะกว่าพิมพ์อื่นนั้นเอง ถึงต้องบรรจุไว้ในภาชนะ ช่วงที่ช่างทุบกรุนั้น ลุงสุดเล่าว่า ฆ้อนพลาดไปโดนกาน้ำชาเข้า ทำให้กาแตกออก สำหรับจำนวนนั้น ประมาณกันว่า มีอยู่ประมาณสี่สิบกว่าองค์เท่านั้นเอง

พระขุนแผน ปลัดทวี บรรจุกรุ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Photobucket

Photobucket


จากภาพจะสังเกตุได้ว่า พิมพ์พระ และ เนื้อหานั้นฟ้องชัดว่า เป็นพระที่หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือสร้างไว้ องค์พระนั้นมีคราบกรุ ปรากฏอยู่โดยทั่วๆไป คราบเหล่านี้ การเกิดต้องใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น หากมีใครเอาไปฝังไว้แค่ปีสองปี คงไม่เกิดคราบกรุที่เป็นธรรมชาติแบบนี้หรอกนะครับ เอาแค่หาพระเนื้อขาวนวลยุคลึกๆแบบนี้มาฝังได้ตั้งหลายองค์ ผมก็ว่าเก่งแล้วล่ะ อ้อ..ราคาพระพิมพ์นี้ถึงไม่ฝังยังไงก็ราคาแรงกว่าพระกรุที่ทางวัดเอาออกให้บูชาอยู่แล้ว คงไม่คุ้มหรอกครับที่จะอุตริเอาพระมาฝังไว้ตั้งหลายปี แล้วเอาออกให้บูชาแค่พันเดียว

ภาพขยาย ลองสังเกตุเนื้อพระนะครับ ว่าเก่าได้อายุ และ ลองสังเกตุดิน หรือ คราบที่เกาะองค์พระ นี่ไม่ใช่ฝีมือใครจะมาเมคขึ้นได้ นอกจากฝีมือธรรมชาติเท่านั้น

Photobucket


เนื้อพระด้านหลัง สำหรับมือใหม่อาจจะแปลกใจว่า ทำไมเนื้อหาถึงได้แปลกไปจากพระขุนแผนปลัดทวีหลวงพ่อสงวน ที่คุ้นตากัน ผมจะบอกให้ว่า เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อพระในยุคต้นๆ ของวัดไผ่พันมือ ที่ยังมีกลิ่นอายของพระเนื้อขาวในยุคของวัดทุ่งแฝกอยู่ สังเกตุเนื้อจะขาวนวลตากว่าพระในยุคปลายวัดไผ่พันมือ จึงสันนิษฐานได้ไม่ยากครับว่า ช่วงเวลาที่ท่านทำแท่นพระ และ บรรจุพระกรุไว้ข้างใต้นั้น เป็นช่วงเวลาที่ท่านเพิ่งมาอยู่วัดไผ่พันมือได้ไม่นานนัก

Photobucket

คราบแบบนี้ ใครก็ทำขึ้นไม่ได้หรอกครับ

Photobucket


ก็คงดูกันไม่ยากนะครับสำหรับองค์แรก เพราะพิมพ์กับเนื้อหาคุ้นตากันดีอยู่ หากใครยังสงสัยก็ลองย้อนกลับไปอ่านเรื่องพระเนื้อขาวหลวงพ่อสงวน ในยุควัดทุ่งแฝกที่ผมเขียนไว้ก็แล้วกันนะครับ ก่อนจบวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณน้อง Missuja ด้วยนะครับ ที่ส่งพระองค์นี้มาให้ถ่ายรูปเป็นวิทยาทาน วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ

เกี่ยวกับฉัน