27 ตุลาคม 2552

การดูพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตอนที่ 31 : พระพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโย หลังจาร

สวัสดีครับน้องๆที่รักทุกๆท่าน มาศึกษาเรื่องราวของ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ กันต่อนะครับ แหม...ยังตื่นเต้นกับพระสมเด็จแหวกม่านใหญ่ หลังจารยันต์หลวงพ่อกวย ของน้องจ๊อบอยู่เลย หลายท่านคงทราบกันดีว่า พระพิมพ์หลักที่ศิษย์สายตรงหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของกันมากที่สุดก็คือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์เก้าใบ กับ พระแหวกม่าน นี่แหละ แต่ราคาตอนนี้ ทะลุหกหลักไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพระจารมืออย่างน้องจ๊อบ ซ้ำยังเป็นพระแหวกม่านเหมือนกันด้วย เรียกว่า ใช้แทนกันได้เลย แหม..น่าอิจฉาจริงๆ เก็บให้ดีๆแล้วนะครับน้องจ๊อบ

วันนี้ก็ย้อนยุคกลับมาว่ากันเรื่องพระหลวงพ่อสงวน ยุควัดทุ่งแฝกกันหน่อยนะครับ เห็นพวกท่านผู้ทรงเกียรติเค้าชอบว่ากันจังว่า ไม่ใช่พระที่หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ สร้าง บอกเป็นพระหลวงตาปิ่น วัดโพธิ์นฤมิตรบ้าง แหม..มีมาบอกอีกว่า เกิดทันเหรอ ก็เกิดไม่ทันหรอกครับ แต่ก็ว่ากันไปตามหลักฐานก็แล้วกัน ผมเองไม่มีพยานบุคคลมายืนยันในวันนี้ มีแต่วัตถุพยานครับ สำหรับพระองค์ที่จะมาเป็นพยานสำคัญในวันนี้ ก็ไม่ใช่อื่นไกลครับ เป็นพิมพ์พระสมเด็จวัดเกศไชโย ซึ่งองค์นี้เป็นพระเนื้อแก่ผงน้ำมัน สีน้ำตาล ซึ่งคงเคยผ่านตากันมาบ้างในบทความตอนก่อนๆ วันนี้มาเจาะลึกกันดีกว่าครับ

พระพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโย หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ หลังจาร

Khunpannoi

พระองค์นี้ ลักษณะมวลสารเหมือนพระเนื้อน้ำตาลทั่วๆไป แต่ที่แตกต่างไปจากพระปกติคือ เป็นพระเนื้อแก่ผงน้ำมันครับ นี่เป็นพระพิมพ์นี้เนื้อแบบนี้เพียงองค์เดียวที่ผมเคยเห็นในวงการครับ

Photobucket


ด้านหลังนั้น นอกจากจะมีมวลสาร เส้นเกศา อันเป็นสิ่งยืนยันว่า พระนี้ผู้ใดกันแน่ที่สร้างแล้ว ยังมีรอยจารด้านหลังมาด้วย ลายมืออันสวยงาม และ สไตล์การเขียนอันเป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อสงวน เป็นสิ่งตอกย้ำอีกอย่างหนึ่งว่า ใครกันที่สร้างพระองค์นี้ พระองค์นี้เป็นพระยุคทุ่งแฝกหลังจารองค์เดียวที่ผมเคยเห็นครับ ปกติแล้ว พระยุคทุ่งแฝกหลวงพ่อสงวน ท่านมักไม่ลงจารไว้

Khunpannoi


ลองสังเกตุมวลสารกันนะครับ พระองค์นี้บรรทัดแรกหลังจารคำว่า นะโมพุทธายะ หรือ พระเจ้าห้าพระองค์ บรรทัดที่สอง จารว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ซึ่งเป็นยันกระทู้เจ็ดแบก หรือ บรรทัดแรกของยันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค นั่นเอง นี่อาจจะเป็นสิ่งบ่งบอกอย่างหนึ่ง ที่ผมเคยพูดว่า หลวงพ่อสงวน น่าจะเคยเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ปานมา บรรทัดที่สาม จารคำว่า มะ อะ อุ วันนี้ได้ฝึกอ่านอักษรขอมกันอีกครั้งนะครับ

ยันต์กระทู้เจ็ดแบกนั้น ว่ากันว่า มีฤทธิ์ทางด้านคงกระพันชาตรี เป็นคาถาสำหรับคนเกิดวันจันทร์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งพอจะกล่าวย่อๆได้ดังนี้ครับ

"สิทธิการิยะ ฝอยของพระอิติปิโส แปดด้านแปดทิศ มีฤทธิ์อเนกประการ ป้องกันสรรพภัย คุ้มครองได้ดังบัญหาร อุปเท่ห์ของอาจารย์ เหลือประมาณท่วมหลังช้าง แม้นจะยาตราไป ณ ทิศใดทุกถิ่นทาง จงสวดคาถาอ้าง ตามทิศาทางจะครรไล หรือไม่ก็เสกน้ำ คาถาร่ำอย่านอนใจ น้ำมนต์นั่นแลไซร้ ประพรมให้ทั่วกายา ทั้งสัตว์พาหนะ ก็ควรประให้จึงคลา กันเหตุเภทภัยยา ไม่มีมาและผ้องพาน คุ้มได้สารพัด ทั้งสรรพสัตว์แลชนพาล บ่อาจมารุกราน ให้รำคาญแลเคืองใจ ถึงหากถูกผีหลวง สิ้นทั้งปวงไม่เป็นไร ไปค้ามีกำไร คงจะไม่ขาดทุนเอย บทหนึ่งชื่อกระทู้เจ็ดแบก อาจารย์จำแนกไว้บูชา เสกข้าวกินทุกวัน อาจป้องกันเครื่องศาสตรา อนึ่งเล่าภาวนา แล้วหันหน้าสู่คชสาร อาจเข้าหักงวงคชา ด้วยพลาอันห้าวหาญ มีกำลังเหลือประมาณ ยิ่งช้างสารอันตกมัน พระฤๅษีทั้งเจ็ดองค์ ท่านดำรงอยู่ทิศนั้น เมื่อจักอภิวันท์ หันพักตร์นั้นทางทิศบูรพา "

จำกันได้มั้ยครับ ก็องค์นี้แหละที่เส้นเกศาท่านกลายเป็นพระธาตุ

Khunpannoi

Khunpannoi

เรามาดูเนื้อกันชัดๆนะครับ

Khunpannoi


พระองค์นี้ มีมวลสารสำคัญของพระเนื้อน้ำตาล ยุควัดทุ่งแฝกครบ โดยเฉพาะ ว่านสีน้ำตาล อันเป็นเอกลักษณ์ของพระเนื้อสีน้ำตาล อีกทั้งยังมี มวลสารพระกรุวัดบ้านกร่าง ทองเสก เป็นต้น จุดตายที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้น เส้นเกศาของหลวงพ่อสงวน กับลายมือของท่านนั่นแหละครับ ซึ่งลักษณะการจารของหลวงพ่อสงวนนั้น ท่านคงจารตอนที่เนื้อพระยังไม่แห้งดีนัก จึงเกิดเป็นรอยลึก และ ตัวหนังสือสวยงามอย่างที่เห็น ซึ่งถ้าท่านจะจารตอนพระแห้งคงไม่สามารถกระทำได้ เพราะพระองค์นี้เนื้อแข็งมาก ดังนั้น ตัดประเด็นที่ว่า ใครอาจจะเอามาให้ท่านจารทีหลังไปได้เลย

Khunpannoi


ดูกันอีกมุมหนึ่งครับ สำหรับเนื้อพระทางด้านหน้า สังเกตุลักษณะของผงน้ำมันนะครับ จะทำให้พระเป็นเนื้อใสๆ มันๆ ซึ่ง พระเนื้อแบบนี้ ลักษณะอาจจะไปละม้ายคล้ายคลึงกับพระคำข้าวเนื้อละเอียด ถ้าเกิดมีใครมายัดเป็นพระเนื้อแบบนี้บอกว่าเป็นพระคำข้าวเนื้อละเอียดล่ะก็ ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณให้รอบคอบนะครับ สิ่งที่แตกต่างกันอย่างหนึ่งที่จะพอช่วยให้ท่านแยกแยะได้ก็คือ พระคำข้าวเนื้อละเอียดนั้น จะมีมวลสารของเนื้อข้าวที่บดไม่ละเอียดให้เห็นชัดเจน จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตามแต่ ก็จะสังเกตุเห็นได้ชัด แต่พระเนื้อแก่ผงน้ำมันจะไม่มีครับ

พระองค์นี้คงเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า หลวงพ่อสงวน ท่านเป็นผู้สร้างพระยุควัดทุ่งแฝกจริงแท้และแน่นอน ถ้าพระองค์นี้เก๊พระเนื้อน้ำตาลยุควัดทุ่งแฝกก็คงเก๊หมดครับ เนื้อน้ำตาลก็มวลสารเดียวกับพระเนื้อดำ โยงไปถึงพระเนื้อแดง เนื้อเขียว เนื้อขาว งั้นก็ไม่ใช่ท่านสร้างสิครับ เพราะพิมพ์ก็พิมพ์เดียวกัน โดยเฉพาะพระยุคปลายวัดทุ่งแฝกกับพระยุคต้นวัดไผ่พันมือ ก็ยังเป็นพระเนื้อน้ำตาลอยู่ งั้นพระวัดไผ่พันมือ ก็เก๊หมดเช่นกัน เห็นมั้ยครับว่า เนื้อพระนั้นยึดโยงกันอยู่ ต่อให้เราเกิดไม่ทันก็แล้วแต่ แต่หลักฐานข้อเท็จจริงมันบิดเบือนไม่ได้เหมือนคำพูดคนหรอกครับ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ หลวงพ่อสงวน ท่านมักติดรูปถ่ายของท่านมาด้วยหลังพระทุ่งแฝกจำนวนไม่ใช่น้อย ถ้าคนอื่นสร้าง ทำไมถึงใช้รูปหลวงพ่อสงวนติดล่ะครับ ทำไมท่านไม่ใช้รูปของท่านติดเองล่ะ

ครับ วันนี้ก็คงพอทำให้ลูกศิษย์ที่ศรัทธาหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ได้หายไขว้เขวกันนะครับ ว่าแท้ที่จริงแล้ว พระวัดทุ่งแฝกเป็นพระใครสร้างกันแน่ ก็หลักฐานต่างๆมันชัดเจนปานนั้น คนท้องที่เค้าก็รู้จักกันดี จะไปบิดเบือนยังไงครับท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย วันนี้ก็พอหอมปากหอมคอนะครับ เอาไว้กลับมาพบกันใหม่ คราวหน้า มาดูกันอีกว่า พระที่เค้าบอกว่า พระหลวงตาปิ่นสร้างน่ะ แท้จริงใครกันแน่ที่สร้าง วันนี้หลับฝันดีครับ ลูกศิษย์หลวงพ่อสงวนทุกๆท่าน สวัสดีครับ

3 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ

    ตอบลบ
  2. สุดยอดครับ!!! วิเคราะห์เจาะลึก เปนเหตุเปนผล

    ชัดเจนที่สุดแล้วบทความนี้ของพี่แผน

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณสำหรับคำติชมครับน้องทั้งสอง มีอะไรดีๆ ก็จะเอามาเผื่อแผ่กันอยู่แล้วครับ จะได้เล่นหากันได้ถูกทาง และ ห่างไกลของเก๊ ของยัดวัด ขอหลวงพ่อคุ้มครองครับน้องทั้งสองและผู้อ่านทุกท่าน

    ตอบลบ

เกี่ยวกับฉัน