
เป็นครั้งแรกนะครับ ที่ผมเอาผ้ายันต์นี้ออกโชว์ ดูกันเต็มๆผืนเลยครับ

ลายมือหลวงพ่อสงวนนั้น จะสวยงาม เรียบร้อย จารถูกอักขระวิธี ผืนนี้แหละครับ ที่รวมลายมือท่านไว้เยอะมากที่สุด ปกติเราจะเคยเห็นกันไม่กี่ตัวเท่านั้น

ยันต์ตรีนิสิงเหแบบยุคแรกครับ จะมีภาษาบาลีกำกับใต้ตัวเลขต่างๆด้วย ผ้ายันต์ผืนนี้เดิมเป็นของ ลูกศิษย์หลวงพ่อสงวนท่านหนึ่งครับ ซึ่งทราบว่า เป็นผู้พาหลวงพ่อสงวน จากวัดทุ่งแฝกมาอยู่วัดไผ่พันมือ ในวันที่ท่านย้ายอย่างปัจจุบันทันด่วน แน่นอนครับ ผ้ายันต์ผืนนี้สร้างขึ้นในยุควัดทุ่งแฝก และ เจ้าของเดิมมิได้นำออกมาใช้เลย

ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนัก และ ยันต์ด้านข้างขวานี่ รบกวนพี่คนเล่นของหน่อยแล้วกันว่า ยันต์อะไร

ขยายลายมือกันชัดๆ เซฟเก็บไว้ดูลายมือท่านได้เลยครับ หากเพี้ยนไปจากนี้ก็ระวังกันไว้ให้ดี อย่าไปหลงคารมว่า จารบนวัสดุต่างกัน ลายมือก็จะต่างกันเด็ดขาด ลายมือหลวงพ่อท่าน ไม่ว่าจะจารบนอะไร ลายมือท่านจะค่อนข้างคงเส้นคงวา ไม่แตกต่างจากนี้มากนักครับ

คำอวยพรหลวงพ่อสงวน ที่ใต้ผ้ายันต์ คงเป็นสิ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ผ้ายันต์ผืนนี้จะมีพุทธคุณที่สุดยอดเพียงไร เหมือนท่านต้องการเน้นอีกครั้งว่า ผ้ายันต์ผืนนี้ไม่ธรรมดาให้เก็บไว้ให้ดีนะ ผ้ายันต์ผืนนี้ได้มาพร้อมปลัดขิกตัวจ้อยผมนั่นเองครับ ซึ่งปลัดตัวนั้นเจ้าของคนนี้ก็เก็บไว้บนหิ้งเฉยๆเหมือนกัน มาดูสุดยอดผ้ายันต์จารมืออีกผืนหนึ่งครับ

ดูด้านหน้า อาจจะคิดกันว่า ก็ไม่แตกต่างจากผ้ายันต์จารมือผืนอื่นเลย แต่แท้จริงแล้วผ้ายันต์จารมือแต่ละผืนนั้น จะจารและลงยันต์แตกต่างกัน แม้ยันต์หลักๆจะเหมือนกัน อย่างยันต์เมตตาใหญ่ ยันต์หัวใจนวหรคุณ แต่ลายละเอียดการลงยันต์หรือ คาถาเล็กๆน้อยๆนั้นก็จะแตกต่างกันไป และผ้ายันต์ผืนนี้ ยังเห็นตรายี่ห้อของผ้าติดมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผ้าก่อนหมดม้วนนั่นเองครับ เหตุใดท่านจึงรีบด่วนใช้ผ้าปลายม้วน ทั้งที่ท่านน่าจะหาผ้าที่สะอาดสวยกว่านี้ได้ เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกัน

ลองสังเกตุรูปหลวงพ่อสงวน ซึ่งเป็นภาพสี และ มีตราปั้มนูนของห้องภาพยิ้มสวยมาด้วย ซึ่งภาพแบบนี้พบเห็นกันไม่บ่อยนัก และ ผ้ายันต์ผืนนี้แตกต่างจากผืนอื่น ตรงที่ใต้ยันต์เมตตานั้น ลงจารอีกสองบรรทัด อ่านได้ตามนี้ครับ
- บรรทัดแรก สัพโพธิ พหูอิถี สัพเพชะนา พหูชะนา สัพเพธิสา สะมาคะตา
- บรรทัดที่สอง มนุญยังจิตตัง ภคินิเม (คาถาหัวใจหญิง ) , นะโมพุทธายะ , มนุญยังจิตตังปุริโส (คาถาหัวใจชาย ) มะอะอุ
ขนาบข้างด้วย ยันต์หัวใจอิธิเจ อิ ธะ คะ มะ
สังเกตุจากลักษณะการเขียน ลักษณะการใช้วรรณยุกต์อย่างไม้หันอากาศ และ คาถาที่ใช้แล้ว บ่งบอกว่า น่าจะเป็นการเขียนในยุคแรกๆของท่านครับ

ยันต์ตรีนิสิงเห ก็บ่งบอกว่า อยู่ในยุคแรกๆเหมือนกัน

พอพลิกด้านหลังก็ต้องตกตะลึงครับ เพราะเจอยันต์หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งออกที่วัดห้วยสุวรรณาราม นี่แหละครับ ที่ทำให้ผ้ายันต์ผืนนี้โดดเด่นกว่าผ้ายันต์จารมือผืนอื่นๆขึ้นมาทันที

ในรูปจะสังเกตุได้ว่ามีตราประทับของวัดไผ่พันมืออยู่ด้วย และ มีผงพุทธคุณของหลวงพ่อสงวน โรยอยู่ด้วย ซึ่งลักษณะของผงที่ดูดซับเอาน้ำหมึกเอาไว้นั้น บ่งบอกว่า ผงนี้ได้รับการโรยลงไปหลังจากการประทับยันต์ลงไป หมึกยังไม่ทันแห้งดี ผงสีขาวจึงซึมซับเอาน้ำหมึกเข้าไป ทำให้กลายเป็นสีดำ

รูปนี้ลองสังเกตุรอยผงที่กระจายเป็นเส้นตรงตามแนวยาวของผ้านะครับ บ่งบอกว่า หลังจากประทับตราเสร็จ และ มีการโรยผงแล้ว ผ้าผืนนี้ได้ถูกพับไว้ ก็น่าสนใจอยู่ครับว่า ยันต์หลวงพ่อจงนี้ ได้ถูกประทับไว้ก่อน แล้วถูกพับเก็บไว้ เสร็จแล้วหลวงพ่อสงวน นำมาจารทีหลังหรือไม่ เพราะน่าสงสัยอยู่ว่า เหตุใดหลวงพ่อท่านถึงต้องใช้ผ้าปลายม้วน ซึ่งท่านน่าจะหาผ้าใหม่ได้ ฤาท่านจะรีบใช้ในตอนนั้นทันที และ ผ้าเหลือเพียงชิ้นนี้ชิ้นเดียว หรือ อาจจเป็นเพราะ ท่านจะให้หลวงพ่อจงประทับตรานี้ให้ตอนมาออกยันต์ที่วัดห้วยสุวรรณาราม เลยจำเป็นต้องใช้ผ้าปลายม้วน เพราะไม่สามารถรอผ้าใหม่ได้ แล้วพับเก็บไว้ก่อน ถ้าท่านประทับเอง ท่านน่าจะรอตอนไหนก็ได้ และ เพราะเหตุใดท่านจึงเจาะจงมอบผ้ายันต์ผืนนี้ให้กับลุงสุดซึ่งเป็นลูกเขยและลูกศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งของท่าน แสดงว่า ผ้ายันต์ผืนนี้ต้องมีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาที่น่าคิด และ ลุงสุดเอง ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ผ้ายันต์ผืนนี้มียันต์หลวงพ่อจงประทับอยู่ด้านหลัง หลวงพ่อท่านเข้ากรอบและมอบมาให้ทั้งกรอบเลย คนตาไวก็คือ พี่คนเล่นของของเรานี่เอง น่าเสียดายเหมือนกันว่า ลุงสุดไม่ทราบที่มาที่ไปของผ้ายันต์ผืนนี้เลย เพราะตอนหลวงพ่อสงวนท่านนำมามอบให้นั้น ก็ไม่ได้บอกอะไร นอกจาก บอกเก็บไว้ให้ดี ปัจจุบันผ้ายันต์ผืนนี้ยังแขวนอยู่ที่บ้านลุงสุดครับ
วันนี้ว่ากันยาวเลยนะครับ คงได้ความรู้กันไปบ้างพอสมควร เอาไว้กลับมาพบกับเรื่องราวของวัตถุมงคลหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือกันต่อนะครับ สวัสดีครับ