17 พฤศจิกายน 2552

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ : ผ้ายันต์จารมือ

สวัสดีครับพี่ๆน้องๆผู้รักและศรัทธา หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ทุกๆท่าน เป็นไงกันบ้างครับ รอบนี้ห่างหายไปนานเลยกว่าจะได้มาเขียนต่อ วันนี้ก็มีเรื่องราววัตถุมงคลของหลวงพ่อสงวน มาฝากอีกอย่างครับ ตามคำเรียกร้องว่า ผมยังไม่เคยลงเรื่องผ้ายันต์บ้างเลย วันนี้จัดให้ตามคำขอครับ มาดูสุดยอดผ้ายันต์จารมือสองชิ้นแล้วกันนะครับ ชิ้นแรกหลายๆคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะโดนเอารูปไปโชว์ในเวบเกี่ยวกับหลวงพ่อสงวนอยู่เวบสองเวบ เป็นผ้ายันต์ที่พบเพียงชิ้นเดียวครับ คือ ผ้ายันต์ชินบัญชร ที่จารด้วยคาถาชินบัญชรของสมเด็จพระพุฒาจารย์ พรหมรังสีนั่นเอง ซึ่งก็คงรู้กันดีนะครับว่า พระคาถาชินบัญชรนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมด้วยพุทธคุณเพียงใด พระสมเด็จของท่าน หรือ ของเจ้าคุณนรฯ ที่โด่งดังและเข้มขลังนั้น ก็มาจากพระคาถาชินบัญชรนี่เอง ซึ่งเราคงทราบกันดีแล้วว่าการลงอักขระของหลวงพ่อสงวน นั้น เช่น การจารหลังพระ หรือ ลงอักขระบนลูกอม ปลัดขิกต่างๆ ท่านจะท่องคาถากำกับไปด้วยทุกตัว ซึ่งคิดกันเอาเองแล้วกันนะครับว่า กว่าที่ท่านจะเขียนผ้ายันต์ชินบัญชรเสร็จนั้น จะต้องใช้เวลามากมายเพียงใด จึงไม่น่าแปลกใจครับ ที่เห็นปรากฏเพียงผืนเดียวเท่านั้น เข้าใจว่า เป็นเพราะการสร้างที่ค่อนข้างยากและใช้เวลามากนั่นเอง ผ้ายันต์ผืนนี้แหละครับ ที่เป็นผ้ายันต์ครูซึ่งผมเองไว้ศักษาลายมือหลวงพ่อสงวน

ผ้ายันต์ชินบัญชร หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Khunpannoi

เป็นครั้งแรกนะครับ ที่ผมเอาผ้ายันต์นี้ออกโชว์ ดูกันเต็มๆผืนเลยครับ

Khunpannoi

ลายมือหลวงพ่อสงวนนั้น จะสวยงาม เรียบร้อย จารถูกอักขระวิธี ผืนนี้แหละครับ ที่รวมลายมือท่านไว้เยอะมากที่สุด ปกติเราจะเคยเห็นกันไม่กี่ตัวเท่านั้น

Khunpannoi


ยันต์ตรีนิสิงเหแบบยุคแรกครับ จะมีภาษาบาลีกำกับใต้ตัวเลขต่างๆด้วย ผ้ายันต์ผืนนี้เดิมเป็นของ ลูกศิษย์หลวงพ่อสงวนท่านหนึ่งครับ ซึ่งทราบว่า เป็นผู้พาหลวงพ่อสงวน จากวัดทุ่งแฝกมาอยู่วัดไผ่พันมือ ในวันที่ท่านย้ายอย่างปัจจุบันทันด่วน แน่นอนครับ ผ้ายันต์ผืนนี้สร้างขึ้นในยุควัดทุ่งแฝก และ เจ้าของเดิมมิได้นำออกมาใช้เลย

Khunpannoi

ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนัก และ ยันต์ด้านข้างขวานี่ รบกวนพี่คนเล่นของหน่อยแล้วกันว่า ยันต์อะไร

Khunpannoi

ขยายลายมือกันชัดๆ เซฟเก็บไว้ดูลายมือท่านได้เลยครับ หากเพี้ยนไปจากนี้ก็ระวังกันไว้ให้ดี อย่าไปหลงคารมว่า จารบนวัสดุต่างกัน ลายมือก็จะต่างกันเด็ดขาด ลายมือหลวงพ่อท่าน ไม่ว่าจะจารบนอะไร ลายมือท่านจะค่อนข้างคงเส้นคงวา ไม่แตกต่างจากนี้มากนักครับ

Khunpannoi


คำอวยพรหลวงพ่อสงวน ที่ใต้ผ้ายันต์ คงเป็นสิ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ผ้ายันต์ผืนนี้จะมีพุทธคุณที่สุดยอดเพียงไร เหมือนท่านต้องการเน้นอีกครั้งว่า ผ้ายันต์ผืนนี้ไม่ธรรมดาให้เก็บไว้ให้ดีนะ ผ้ายันต์ผืนนี้ได้มาพร้อมปลัดขิกตัวจ้อยผมนั่นเองครับ ซึ่งปลัดตัวนั้นเจ้าของคนนี้ก็เก็บไว้บนหิ้งเฉยๆเหมือนกัน มาดูสุดยอดผ้ายันต์จารมืออีกผืนหนึ่งครับ

ผ้ายันต์จารมือ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Photobucket


ดูด้านหน้า อาจจะคิดกันว่า ก็ไม่แตกต่างจากผ้ายันต์จารมือผืนอื่นเลย แต่แท้จริงแล้วผ้ายันต์จารมือแต่ละผืนนั้น จะจารและลงยันต์แตกต่างกัน แม้ยันต์หลักๆจะเหมือนกัน อย่างยันต์เมตตาใหญ่ ยันต์หัวใจนวหรคุณ แต่ลายละเอียดการลงยันต์หรือ คาถาเล็กๆน้อยๆนั้นก็จะแตกต่างกันไป และผ้ายันต์ผืนนี้ ยังเห็นตรายี่ห้อของผ้าติดมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผ้าก่อนหมดม้วนนั่นเองครับ เหตุใดท่านจึงรีบด่วนใช้ผ้าปลายม้วน ทั้งที่ท่านน่าจะหาผ้าที่สะอาดสวยกว่านี้ได้ เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกัน

Khunpannoi


ลองสังเกตุรูปหลวงพ่อสงวน ซึ่งเป็นภาพสี และ มีตราปั้มนูนของห้องภาพยิ้มสวยมาด้วย ซึ่งภาพแบบนี้พบเห็นกันไม่บ่อยนัก และ ผ้ายันต์ผืนนี้แตกต่างจากผืนอื่น ตรงที่ใต้ยันต์เมตตานั้น ลงจารอีกสองบรรทัด อ่านได้ตามนี้ครับ
- บรรทัดแรก สัพโพธิ พหูอิถี สัพเพชะนา พหูชะนา สัพเพธิสา สะมาคะตา
- บรรทัดที่สอง มนุญยังจิตตัง ภคินิเม (คาถาหัวใจหญิง ) , นะโมพุทธายะ , มนุญยังจิตตังปุริโส (คาถาหัวใจชาย ) มะอะอุ
ขนาบข้างด้วย ยันต์หัวใจอิธิเจ อิ ธะ คะ มะ
สังเกตุจากลักษณะการเขียน ลักษณะการใช้วรรณยุกต์อย่างไม้หันอากาศ และ คาถาที่ใช้แล้ว บ่งบอกว่า น่าจะเป็นการเขียนในยุคแรกๆของท่านครับ

Photobucket

ยันต์ตรีนิสิงเห ก็บ่งบอกว่า อยู่ในยุคแรกๆเหมือนกัน

Khunpannoi


พอพลิกด้านหลังก็ต้องตกตะลึงครับ เพราะเจอยันต์หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งออกที่วัดห้วยสุวรรณาราม นี่แหละครับ ที่ทำให้ผ้ายันต์ผืนนี้โดดเด่นกว่าผ้ายันต์จารมือผืนอื่นๆขึ้นมาทันที

Khunpannoi


ในรูปจะสังเกตุได้ว่ามีตราประทับของวัดไผ่พันมืออยู่ด้วย และ มีผงพุทธคุณของหลวงพ่อสงวน โรยอยู่ด้วย ซึ่งลักษณะของผงที่ดูดซับเอาน้ำหมึกเอาไว้นั้น บ่งบอกว่า ผงนี้ได้รับการโรยลงไปหลังจากการประทับยันต์ลงไป หมึกยังไม่ทันแห้งดี ผงสีขาวจึงซึมซับเอาน้ำหมึกเข้าไป ทำให้กลายเป็นสีดำ

Khunpannoi


รูปนี้ลองสังเกตุรอยผงที่กระจายเป็นเส้นตรงตามแนวยาวของผ้านะครับ บ่งบอกว่า หลังจากประทับตราเสร็จ และ มีการโรยผงแล้ว ผ้าผืนนี้ได้ถูกพับไว้ ก็น่าสนใจอยู่ครับว่า ยันต์หลวงพ่อจงนี้ ได้ถูกประทับไว้ก่อน แล้วถูกพับเก็บไว้ เสร็จแล้วหลวงพ่อสงวน นำมาจารทีหลังหรือไม่ เพราะน่าสงสัยอยู่ว่า เหตุใดหลวงพ่อท่านถึงต้องใช้ผ้าปลายม้วน ซึ่งท่านน่าจะหาผ้าใหม่ได้ ฤาท่านจะรีบใช้ในตอนนั้นทันที และ ผ้าเหลือเพียงชิ้นนี้ชิ้นเดียว หรือ อาจจเป็นเพราะ ท่านจะให้หลวงพ่อจงประทับตรานี้ให้ตอนมาออกยันต์ที่วัดห้วยสุวรรณาราม เลยจำเป็นต้องใช้ผ้าปลายม้วน เพราะไม่สามารถรอผ้าใหม่ได้ แล้วพับเก็บไว้ก่อน ถ้าท่านประทับเอง ท่านน่าจะรอตอนไหนก็ได้ และ เพราะเหตุใดท่านจึงเจาะจงมอบผ้ายันต์ผืนนี้ให้กับลุงสุดซึ่งเป็นลูกเขยและลูกศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งของท่าน แสดงว่า ผ้ายันต์ผืนนี้ต้องมีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาที่น่าคิด และ ลุงสุดเอง ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ผ้ายันต์ผืนนี้มียันต์หลวงพ่อจงประทับอยู่ด้านหลัง หลวงพ่อท่านเข้ากรอบและมอบมาให้ทั้งกรอบเลย คนตาไวก็คือ พี่คนเล่นของของเรานี่เอง น่าเสียดายเหมือนกันว่า ลุงสุดไม่ทราบที่มาที่ไปของผ้ายันต์ผืนนี้เลย เพราะตอนหลวงพ่อสงวนท่านนำมามอบให้นั้น ก็ไม่ได้บอกอะไร นอกจาก บอกเก็บไว้ให้ดี ปัจจุบันผ้ายันต์ผืนนี้ยังแขวนอยู่ที่บ้านลุงสุดครับ

วันนี้ว่ากันยาวเลยนะครับ คงได้ความรู้กันไปบ้างพอสมควร เอาไว้กลับมาพบกับเรื่องราวของวัตถุมงคลหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือกันต่อนะครับ สวัสดีครับ

09 พฤศจิกายน 2552

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ : ปลัดขิกหลวงพ่อสงวน

สวัสดีครับ พี่น้องทุกๆท่าน ( ชักจะทักเหมือนชาวม๊อบเข้าไปทุกวัน ) วันนี้เอาเรื่องราวของปลักขิกหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ มาฝากกันนะครับ บังเอิญว่า ช่วงนี้เจอของเก๊ที่ชักจะทำเหมือนเข้าไปทุกวัน เลยต้องมาบอกกันหน่อย เห็นแล้วทำเอาผมขยาดพวกปลัดหรือลูกอมลงจารไปเหมือนกัน โดยเฉพาะปลัดนั้น หาจุดสังเกตุได้ยาก นอกจากดูลายมือ และ ความเก่าของหมึกเท่านั้น ไม่มีรอยให้ปรากฏลึกจมลงไปเหมือนเนื้อพระ สำหรับคนที่ดูลายมือท่านไม่ออก ท่านห่างๆไว้จะดีกว่านะครับ

ปลัดขิกหลวงพ่อสงวน ที่ผมเจอโดยส่วนมากนั้น จะลงอักขระว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ อิกะวิติ อิสวาสุ สุสวาอิ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ แต่ก็ใช่ว่าท่านจะจารแบบนี้ทั้งหมดนะครับ จารแบบอื่นก็มีให้เห็นเหมือนกัน เช่น คาถาพระพุทธเจ้าสิบหกพระองค์เป็นต้น ควันหลงจากวันที่ไปบ้านลุงสุดแหละครับ เลยมีโอกาสได้ถ่ายภาพหมู่ปลัดขิกไว้

ปลัดขิกหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

Khunpannoi


เพิ่งเคยเจอโคตรปลัดก็จากลุงสุดนี่แหละครับ เห็นเหมือนใหม่ๆแบบนี้ อย่าไปนึกว่า ของเก๊นะครับ นั่นเป็นเพราะแสงสะท้อนจากการถ่ายภาพ ทำให้ดูเหมือนจะใหม่กว่าปกติ ลองเปรียบเทียบกับฉากด้านหลังดูครับ ลักษณะปลัดขิกที่หลวงพ่อสงวน ท่านทำเอง ลุงสุดและคนที่เคยทำพระช่วยท่าน บอกไว้ตรงกันว่า หลวงพ่อสงวนท่านมักจะทำปลัดเป็นหัวบานๆ และ ตรงขอบหัวนั้นจะนูนสูง แบบลักษณะทั้งสี่ตัวด้านบน จำกันไว้ให้ดีนะครับ ปลัดตัวจ้อยของผมนั้น ลุงสุดมองแว๊บเดียวก็บอกว่า ทำจากไม้พญารากเดียว หรือ ปลาไหลเผือกนั่นเอง ( แต่เดิมผมเข้าใจว่า เป็นไม้โรจทนง ) สังเกตุลายมือแท้กันให้ดีๆนะครับ แปลกจากนี้ ห่างๆไว้

Khunpannoi

อีกมุมหนึ่งของโคตรปลัดครับ สังเกตุลายมือแท้ท่านไว้นะครับ

Khunpannoi

เดี๋ยวจะคาใจ ขยายให้เห็นลักษณะหมึก ที่เก่าแก่ตามอายุครับ ส่วนตัวปลัดนั้น ลุงสุดแกเก็บไว้บนหิ้งไม่ได้ใช้เลย

Khunpannoi

ปลัดขิกตัวจ้อยสองอัน ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูเรื่องปลัดขิกตัวจ้อย ที่ผมเคยลงในคราวก่อน จะเห็นว่า แสงสะท้อนทำให้มันดูเหมือนเพิ่งทาแล็คเกอร์มาใหม่ๆ แต่จริงๆไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตัวนี้ก็ไม่เคยผ่านการใช้มาเช่นกันครับ

Khunpannoi

ขยายอีกมุมหนึ่ง

Khunpannoi

พอตัดแสงสะท้อนออกไป ก็จะเห็นลักษณะตามธรรมชาติที่เก่าแก่ตามอายุ ลองสังเกตุปลัดขิกไม้โรจทนง ด้านบนนะครับ แสงสะท้อน ทำให้ดูเหมือนจะใหม่ขึ้นเช่นกัน

Khunpannoi

ตัวนี้เป็นปลัดขิกลุงสุดที่โดนหมาแทะครับ ปัจจุบันลุงสุดได้มอบให้กับพี่"คนเล่นของ" ของบล๊อคเรานั่นเอง เห็นว่า เอาไปใช้แล้วจี๊ดจ๊าดน่าดู บอกว่า จะมาเขียนเล่าให้พวกเราได้ฟังในบล๊อค ป่านนี้มันก็หายเงียบเหมือนเรื่องผงเช่นเคย ช่วยกันทวงหน่อยนะพวกเรา หลวงพ่อท่านติดสินบนไว้ขนาดนี้ มาเขียนให้อ่านซะดีๆ ไม่งั้นจะแช่ง

Khunpannoi

แหม..เจ้าด่างมันฝากรอยเขี้ยวไว้ซะ แต่ความเข้มขลังไม่ได้หายไปตามเจ้าด่างตัวนั้นเลยครับ

Khunpannoi

ไม่สวยแต่แร๊งงง ว่างๆจะขอยืมมาใช้มั่งนะครับพี่ทิด ว่าแต่มันแรงยังไงครับ มาเล่าด่วน


ลุงสุดบอกว่า สำหรับปลัดที่หลวงพ่อสงวนท่านทำเอง จะมีลักษณะแบบนี้เท่านั้นนะครับ พวกปลัดนางครวญทั้งหลายนั้น ลุงสุดบอกว่า หลวงพ่อสงวน ไม่เคยทำ แต่จะมีใครเอามาให้ท่านลงนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีก็ได้ แต่ลุงสุด และ น้องที่เคยทำพระช่วยท่านยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นครับ ดังนั้น จะเป็นใครก็ตามที่จะนำมาขายให้ท่าน ก็พึงระวังไว้ให้มาก พิจารณากันให้ดีๆ แต่ก็ใช่ว่า ปลัดแบบอื่นที่ต่างไปจากนี้จะเก๊นะครับ ให้สังเกตุลายมือหลวงพ่อสงวนเป็นสำคัญ เพราะในยุคนั้น มีคนช่วยท่านแกะปลัดเหมือนกัน เช่น ลุงยวนเป็นต้น แต่ถ้าอยากได้แบบหลวงพ่อสงวนท่านทำเองก็ต้องแบบนี้เท่านั้น สำหรับวันนี้ก็คงได้ไปกันอีกเรื่องแล้วนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน แอบแว่บมากลัวจะเหงากัน ไว้พบกันใหม่ ขออาราธนาบารมีหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ คุ้มครองท่านผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ สวัสดีครับ

06 พฤศจิกายน 2552

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ : พระแหวกม่านเศียรโต

สวัสดีครับ งวดนี้ห่างหายไปพอสมควร วันนี้จัดให้ตามคำขอน้องจ๊อบนะครับ ที่อยากดูพระสมเด็จแหวกม่านเศียรโต ซึ่งถือได้ว่า เป็นพระแหวกม่านพิมพ์แรกๆของหลวงพ่อสงวน ในยุควัดไผ่พันมือช่วงแรกๆ ก่อนที่จะมาเป็น พระแหวกม่านแบบที่เราคุ้นเคยกันดี

พระแหวกม่านเศียรโต หลวงพ่อสงวน ยุควัดไผ่พันมือ

Khunpannoi


พระแบบนี้ขนาดจะไม่ใหญ่มาก พอๆกับพระแหวกม่านกลางทั่วๆไปนั่นเองครับ ลองสังเกตุให้ดีจะเห็นคราบขี้กรุเกาะอยู่ทั่วไปที่ผิวหน้าองค์พระนะครับ ลักษณะเนื้อพระนั้นค่อนข้างเปราะมาก หากใครมีแนะนำให้รีบใส่กรอบหรือเลี่ยมเก็บไว้นะครับ ไม่งั้นองค์พระอาจจะแตกหักได้ มวลสารที่สำคัญของพระหลวงพ่อสงวนในพระพิมพ์นี้ นอกจากมวลสารทั่วๆไปที่เราคุ้นเคย แต่ที่เพิ่มขึ้นมาให้เห็นพระ พระขุนแผนกรุวัดบ้านกร่างครับ ซึ่งจะปรากฏอยู่มากมายในเนื้อพระ

Khunpannoi

สังเกตุมวลสารสีอิฐขนาดใหญ่ที่ลูกศรชี้นะครับ นั่นแหละครับ มวลสารพระขุนแผนกรุวัดบ้านกร่าง เรามาดูเนื้อกันชัดๆนะครับ

Khunpannoi

จะสังเกตุเห็นว่า นอกจากแร่สะเก็ดดาวที่เราคุ้นเคยกัน จะมองเห็นมวลสารพระขุนแผนกรุวัดบ้านกร่าง กระจายอยู่ทั่วๆไป มาดูพระเนื้อวัดไผ่พันมือ ที่มีมวลสารพระขุนแผนวัดบ้านกร่างผสมอยู่จำนวนไม่น้อยอีกซักองค์นะครับ

พระขุนแผนห้าเหลี่ยมอกใหญ่ หลวงพ่อสงวน ยุควัดไผ่พันมือ

Khunpannoi

พระองค์นี้ เจ้าของเดิมทำแตกครับ น่าเสียดายมาก

Khunpannoi

ด้านหลังนั้น ลองสังเกตุให้ดี จะพบว่า มีรอยตราปั้ม เขียนว่า อ.จ. สงวน วัดไผ่พันมือ ซึ่งเลือนหายไปตามกาลเวลาครับ

Khunpannoi

ดูเนื้อกันชัดๆ จะเห็นมวลสารพระขุนแผน วัดบ้านกร่าง กระจายอยู่ทั่วไป

Khunpannoi

บางชิ้นก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ให้เห็นชัด

Khunpannoi

ว่านสีเลือดนก มวลสารสำคัญของพระขุนแผน วัดบ้านกร่าง มวลสารแบบนี้แหละครับที่เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่โยงใยกลับไปหาพระในยุควัดทุ่งแฝกว่าใครสร้าง

Khunpannoi

รูปด้านบนนี้ นอกจากมวลสาร แล้วลองสังเกตุรอยปั้มหมึกที่เก่าได้อายุ บ่งบอกว่า รอยนี้เป็นของแท้ดั้งเดิมแน่นอน

Khunpannoi

เทียบกับพระพิมพ์แบบนี้อีกสององค์ ซึ่งเนื้อหาจะต่างกันไปเล็กน้อย แต่ลักษณะของพิมพ์ก็ฟ้องชัดว่ามาจากแม่พิมพ์บล๊อคเดียวกัน


เป็นไงบ้างครับ วันนี้ก็ได้รู้จักพระหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ กันอีกสองพิมพ์นะครับ จะเห็นว่า พิมพ์พระของท่านนั้น มีมากมายเหลือเกิน นับไม่หวาดไม่ไหว ผมเองยังเห็นไม่หมดเหมือนกันครับ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงพิมพ์จะแปลกออกไปแค่ไหน ที่สำคัญคงไม่พ้นเรื่องเนื้อหานะครับ ต้องระวังกันให้ดีๆ วันนี้แวะมาทักทายกันพอให้หายคิดถึง ไว้พบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ

เกี่ยวกับฉัน