เป็นที่ทราบกันดีว่า หลวงพ่อสงวนท่านมีชื่อเสียงเด่นดังในเรื่อง ผงอิทธิเจ และ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนในสมัยนั้นรู้จักกันดีก็คือ เรื่อง น้ำมนต์ของหลวงพ่อ ซึ่งผู้คนต่างหลั่งไหลไปให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้มากมาย แน่นอนว่า ในตุ่มน้ำมนต์นั้น ท่านได้ใส่ผงอิทธิเจอันลือลั่นของท่านลงไป และ ท่านยังได้ใส่เหรียญรูปเหมือนของท่านส่วนหนึ่งไว้ด้วย เรื่องน้ำมนต์หลวงพ่อนั้นขึ้นชื่อฤาชาขนาดไหน คิดว่าแฟนๆคงพอทราบกันดีนะครับ ผมคงไม่ต้องกล่าวถึงอีก
พูดมาซะนาน เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน ก็ขอรวบรัดมาถึง พระเครื่องเรือธง ที่ถือเป็นสุดยอดของคนที่เล่นสายหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ที่ใครๆอยากได้มาครอบครองเป็นที่สุด ก็คือ พระสมเด็จแหวกม่านใหญ่ รุ่นแช่น้ำมนต์ ประวัติการสร้างพระรุ่นนี้ ทราบจากลูกศิษย์คนใกล้ชิดหลวงพ่อที่สุด " เสี่ยไร่อ้อย " ...( โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ ผมแค่บอกกล่าวเรื่องราวต่อเท่านั้น มิได้อยู่ในเหตุการณ์ ) ได้บอกเล่าไว้ว่า หลวงพ่อท่านได้นำพระสมเด็จแหวกม่านใหญ่ มาจำนวนหนึ่ง ใส่เข้าไปในตุ่มน้ำมนต์ของท่าน แล้วก็ทำการปลุกเสก เสี่ยไร่อ้อยเล่าว่า เห็นกับตาว่า น้ำในตุ่มน้ำมนต์นั้นเดือดปุดๆ เหมือนเอาไฟมาสุมไว้ข้างล่าง หลวงพ่อท่านเสกจนพระลอยขึ้นมา แล้วท่านก็จะหยิบขึ้นมาแจกให้กับคนที่ไปช่วยงานวัดในวันนั้น ( ไม่มีใครกล้าเอื้อมมือไปหยิบเองครับ เนื่องจาก เห็นน้ำเดือดปุดๆอยู่ปานนั้น ) พี่เสี่ยไร่อ้อยก็รับกับมือมาองค์หนึ่ง เพราะเห็นความอัศจรรย์ที่เกิดต่อหน้า ซึ่งพระองค์นี้ ตอนนี้ก็ตกมาอยู่กับ สหธรรมิก ที่ผมเชิญมาเป็นนักเขียนในบล๊อคนี้แหละครับ เดี๋ยวคงให้พี่ " คนเล่นของ " เอาออกมาโชว์บ้าง พี่เสี่ยฯเล่าต่อไปว่า หลวงพ่อท่านเสกไปได้สักสิบกว่าองค์ ท่านก็หมดแรง ไม่สามารถทำต่อได้อีก เข้าใจว่า ท่านคงต้องใช้พลังจิตเป็นอย่างมากนั่นเอง จึงทำให้ท่านเหนื่อยและ หมดแรง ทำให้การทำพระรุ่นนี้จึงยุติลงแค่นั้น และ ท่านก็มิได้ทำพระรุ่นนี้ออกมาอีกเลย พี่เสี่ยของเราบอกว่า ได้ลองเอาพระสมเด็จแหวกม่านใหญ่ มาลองทำมั่ง ปรากฏว่า หลังใส่พระลงในขันน้ำ พระทั้งองค์กลับละลายเป็นผงไปหมด ( แกบอกว่า ถ้าเป็นตอนนี้ คงน้ำตาร่วง ก็แหม ตอนนี้องค์ละกี่พันล่ะนั่น ^^ ) จึงนับว่าเป็นความมหัศจรรย์ย่างหนึ่ง ที่น่าคิดว่า ทำไมพระแหวกม่านใหญ่ที่หลวงพ่อใส่ลงไปในตุ่มน้ำมนต์ในวันนั้น จึงไม่ละลาย ???? อ่านถึงตรงนี้ คงพอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมคนที่ทราบประวัติการสร้างจึงเสาะหาพระรุ่นนี้กันนัก แต่ตอนนี้เท่าที่ปรากฏเหลือเป็นองค์สมบูรณ์ พบเพียงสององค์เท่านั้น องค์ที่สาม เป็นของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งพระเหลือเพียงผง เพราะเจ้าของอยากจะได้น้ำมนต์ จึงนำพระไปแช่น้ำ ผลหรือครับ พระก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เหลือไว้เป็นชิ้นๆแค่นั้นเอง
และองค์นี้ ก็คือ หนึ่งในสององค์เท่าที่พบเห็นอยู่ในตอนนี้ ยังไม่เจอองค์ที่สามเลยครับ ไปชมกันเลยแล้วกัน

ด้านหลัง คราบผงอิทธิเจก็ยังปรากฏชัด

ซูมเข้ามาใกล้ๆอีกนิด ดูเนื้อพระ และ คราบผงอิทธิเจชัดๆครับ

อีกมุมหนึ่ง เนื้อหาลึกสะใจครับ

เป็นไงบ้างครับ กับเรื่องราวเปิดตัวของบล๊อค หวังว่าคงได้รับความรู้กันไปบ้างนะครับ ผมเองมิใช่นักเขียนมืออาชีพ หากติดขัดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอขอบคุณพี่เสี่ยไร่อ้อย สำหรับข้อมูลของพระรุ่นนี้นะครับ แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณที่ติดตามครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น